ปี 2578 เป็นปีที่คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านเข้าสูงอายุเต็มตัว หมายความว่าสังคมต้องเผชิญสถานการณ์ผู้สูงวัยที่ป่วยเรื้อรังและป่วยระยะสุดท้ายมากขึ้น หากมองในอีกมุมหนึ่งสถานการณ์เหล่านี้สร้างโอกาสให้คนไทยพลิกฟื้นภูมิปัญญาในการดูแลความเจ็บป่วยและการสูญเสียในระยะสุดท้ายให้เกิดการอยู่ดีตายดีได้ด้วยการดูแลของชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งเคยมีมานานแล้วในสังคมไทยก่อนการแพทย์สมัยใหม่แพร่หลาย แนวความคิดชุมชนกรุณาจึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นเสมือนพื้นที่และผู้คนที่ช่วยโอบอุ้มความทุกข์กาย ทุกข์ใจ และช่วยดูแลประคับประคองกันและกันบนพื้นฐานความกรุณาในวาระสุดท้ายเมื่อการสูญเสียมาถึง
นิทรรศการชุมชนกรุณาภาคเหนือจัดขึ้นเมื่อวันที่10-12กุมภาพันธ์ 2565 ณ ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นก้าวแรกในการนำความรู้จากการทดลองปฏิบัติจริงมาแบ่งปันส่งต่อข้อมูลแก่ชุมชน ผ่านการนำเสนอนิทรรศการชุมกรุณาโดยหวังเชื้อเชิญให้คนเลือกวางแผนชีวิตตัวเองและก่อเกิดชุมชนร่วมเกื้อกูลให้เกิดการอยู่ดีตายดีได้จริง
การเสวนาเรื่อง “เมืองแห่งความกรุณา” เป็นกิจกรรมสำคัญในงานนิทรรศการครั้งนี้ มีวิทยากร 3 ท่านร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูล ได้แก่ คุณกิตติศักดิ์ แก้วนิ่ม หัวหน้ากลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลน่าน คุณบุญศิริ ศรียอด นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ อบต.ดอนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ และคุณเจนจิรา โลชา ชุมชนกรุณาอำเภอแม่สรวย จ.เชียงรายและนักออกแบบสุขภาวะทีมขะใจ๋ โดยมีคุณวิชญา โมฬีชาติ นักออกแบบประสบการณ์เรียนรู้ทีมขะใจ๋เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีวิธีการทำงานและผลสำเร็จที่น่าชื่นชมแตกต่างกันตามต้นทุนทางสังคมในแบบของตัวเอง ดังนี้
ดอนแก้วเข้มแข็งเพราะรัฐท้องถิ่นจริงจังและชุมชนจริงใจ
สังคมเกื้อกูลตามธรรมชาติ
ธรรมชาติพื้นฐานของสังคมต่างจังหวัดคือยังมีพื้นฐานของความเกื้อกูลบนความสัมพันธ์แบบเครือญาติอยู่มาก ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่จึงมีความได้เปรียบในสิ่งนี้เพราะคนยังเอื้ออาทรต่อกันและมีจิตวิญญาณอาสา ประชาชนดูแลกันและกัน(เอง)มากกว่าการรอรับความช่วยเหลือจากรัฐ ทุกวันนี้มีอาสาสมัครชุมชนทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นมากถึง 16,000 คนซึ่งเน้นการทำงานเชิงรุกทำให้การทำงานต่อเนื่องและยั่งยืน เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็งที่มาจากเรี่ยวแรงของชาวบ้านเองอย่างแท้จริง
รัฐมีวิสัยทัศน์ชัดเจน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดอนแก้วเข้มแข็งและมีส่วนร่วมกับประชาชนอย่างเข้มข้นทุกเรื่อง ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของประชาชนทั้งกาย จิต สังคม และสุขภาวะทางปัญญา มีกองทุนดูแลผู้เจ็บป่วยติดบ้าน ติดเตียงร่วมกับอาสาชุมชน มีการเตรียมพร้อมเพื่อสังคมสูงวัยหลายรูปแบบ ทั้งการเตรียมตัวก่อนสูงวัยและการเตรียมตัวก่อนตายจึงเกิดเป็นเสมือนชุมชนกรุณาตามธรรมชาติขึ้นเพราะทุกคนมีความต้องการร่วมกัน คือ การอยู่อย่างดี ตายอย่างมีสุข องค์กรท้องถิ่นเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็น ความต้องการในหลายช่องทางให้สอดคล้องตามวัยและบริบทของผู้อยู่อาศัยที่หลากหลาย ทำให้รับรู้ทุกความต้องการอย่างไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง การที่รัฐท้องถิ่นและประชาชนมีเป้าหมายร่วมกันทำให้งานสำเร็จอย่างมีพลังยิ่ง
เป็นพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบให้คนอื่นได้
การลงมือทำจริงจนสำเร็จผลอย่างยาวนานทำให้ชุมชนดอนแก้วเป็นพื้นที่ต้นแบบสำหรับการขยายผลการเรียนรู้ได้ในอนาคต โดยทุกภาคส่วนทั้งรัฐท้องถิ่น ชุมชนต่างมีความเข้าใจร่วมกันในเป้าหมาย และร่วมแรงกันผลักดันให้เป้าหมายสังคมอยู่ดีมีสุขเกิดขึ้นจริงและยั่งยืน
น่าน : คุณภาพชีวิตดีด้วยความร่วมใจในทุกภาคส่วน
มีวิสัยทัศน์สุขภาพต่อเนื่องยาวนาน
โรงพยาบาลน่านมีวิสัยทัศน์เรื่องสุขภาพอย่างดีและทำงานต่อเนื่องมายาวนานจากผู้บริหารหลายคนจนก่อเกิดผลสำเร็จที่เห็นได้จริง นโยบายสำคัญครอบคลุมทุกเรื่อง “ตั้งแต่เกิดจนถึงเชิงตะกอน” การทำงานจริงจังและจริงใจอย่างต่อเนื่องจึงทำให้การสื่อสารของโรงพยาบาลมีพลังต่อชุมชนมาก ข้อมูลถูกส่งต่ออย่างถูกต้องด้วยความเข้าใจและคนยอมรับไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้การทำงานส่งเสริมสุขภาวะในทุกมิติเป็นเรื่องง่าย
รัฐท้องถิ่นทำงานสอดคล้องกับวิสัยทัศน์สุขภาพ
น่านเป็นจังหวัดที่ประชากรน้อย รัฐท้องถิ่นดำรงตำแหน่งยาวนานทำให้นโยบายสาธารณสุขต่างๆได้รับการปฏิบัติต่อเนื่องยาวนานในพื้นที่จนเห็นผล มีความร่วมมืออันดีกับภาคประชาสังคมซึ่งเต็มใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันทั้งจากวัด(สำนักสงฆ์) กลุ่มผู้สูงอายุและชุมชนต่างๆที่เน้นการทำงานเชิงรุก รัฐท้องถิ่นมีความตั้งใจให้ทำให้น่านเป็นเมืองแห่งคนอายุยืน กล่าวคือ มีสุขภาพดีเมื่อมีชีวิตและจากไปอย่างสงบได้ในวาระสุดท้าย รวมถึงการสร้างเมืองให้ปลอดภัยในมิติอื่นๆของชีวิตด้วย เช่น การขยายพื้นที่ปลอดเหล้าในงานเทศกาล งานศพ เป็นต้น
ต่อยอดคุณภาพชีวิตโดยชุมชนมีส่วนร่วม
การส่งต่อสถิติข้อมูลเชิงสุขภาพและคุณภาพชีวิตในมิติต่างๆให้กับชุมชน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ชุมชนร่วมรับรู้ปัญหาในพื้นที่และเต็มในมีส่วนร่วมออกแบบการแก้ปัญหาร่วมกัน ทำให้เกิดพลังของการลงมือทำอย่างคิดเห็นตรงกันและเกิดผลที่ต้องการอันชัดเจน เช่น ลดปริมาณผู้เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าในเทศกาล การลดปัญหาการดื่มในเด็กและเยาวชน งานศพปลอดเหล้า งานศพปลอดอาหารว่าง(ลดรายจ่ายของเจ้าภาพได้เท่าไรดีต่อสุขภาพผู้ร่วมงานได้แค่ไหน) การดูแลประคับประคองที่บ้านลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการอยู่โรงพยาบาลอย่างไร เป็นต้น
ขะใจ๋ : เพราะใครๆก็ร่วมสร้างชุมชนดูแลกันได้
มีความยืดหยุ่นเพราะขับเคลื่อนด้วยคนตัวเล็กๆ
แม้มีรูปแบบโครงสร้างการทำงานไม่ตายตัว แต่สมาชิกทีมขะใจ๋ที่ขับเคลื่อนชุมชนกรุณาในพื้นที่เชียงใหม่ เชียงรายและลำปางก็สามารถขยายผลการทำงานได้ดีในแบบของตัวเองโดยเชื่อมโยงกับเครือข่ายหรือต้นทุนทางสังคมที่มี เช่น ที่เชียงใหม่ใช้การเชื่อมโยงการร่วมมือกับรัฐท้องถิ่น กลุ่มภาคีเครือข่ายต่างๆรวมถึงกลุ่มดูแลผู้พิการ ที่เชียงรายเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลท้องถิ่นมุ่งเน้นการสร้างชุมชนดูแลกันแทนการรอรับการสงเคราะห์จากรัฐ ที่ลำปางสร้างกลุ่มคนมีความรู้ความเข้าใจจากกลุ่มเพื่อนแล้วนำความรู้ไปขยายผลต่อให้ชุมชนและประสานการทำงานร่วมกับเครือข่ายท้องถิ่น และปรับเครื่องมือสื่อสารให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เช่น เด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้เรื่องอยู่ดีตายดีอย่างไม่เกี่ยงวัย เป็นต้น
มีหลักสูตรสร้างคนเพื่อส่งต่อความรู้และขยายผลการทำงาน
การมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบความรู้ เครื่องมือการทำงาน และมีทักษะการเป็นกระบวนกร สมาชิกทีมขะใจ๋จึงสามารถฝึกอบรมและสร้างคนให้มีความเข้าใจและทำให้มีคนร่วมทำงานส่งเสริม “แนวคิดอยู่ดีตายดี” มากขึ้นและขยายผลได้เร็วอย่างไม่ยึดติดในรูปแบบ โดยสมาชิกมีความเป็นทีมเดียวกันสูง เชื่อมั่นในพลังของการประสานงานกับภาคีต่างๆ เพราะรู้ว่าพลังเกื้อกูลที่แท้จริงมาจากร่วมแรงร่วมใจจากหลายภาคส่วน ซึ่งในอนาคตคงมีการขยายความร่วมมือให้มากยิ่งกว่าเดิมเพื่อให้เกิดผลได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นและเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนได้สร้างชุมชนกรุณาได้ในแบบที่ตัวเองถนัดแม้จะเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยก็ตาม
คนสำราญและงานสำเร็จ
การไม่ยึดติดกับรูปแบบทำให้การทำงานของสมาชิกทีมขะใจ๋สอดคล้องไปตามบริบทสังคมสิ่งแวดล้อมที่ริเริ่มทำงานโดยเลือกใช้เครื่องมือต่างๆที่มีให้สอดคล้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละครั้ง จึงทำให้การสื่อสารสำเร็จและงานเติบโตขยายผล และยิ่งเกิดผลสัมฤทธิ์จริงต่อผู้คนได้มากเท่าไรก็ยิ่งเป็นพลังบอกต่อให้งานขยายตัวเพิ่มเติมได้มากขึ้นเท่านั้น
การจากไปอย่างสงบคือความต้องการสูงสุดของมนุษย์ทุกคน การสร้างชุมชนกรุณาจึงเป็นพื้นที่โอบอุ้มความทุกข์ที่มีความหมายยิ่งจากความร่วมมือและดูแลกัน ชุมชนกรุณาเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบและคนเล็กๆทุกคนสามารถมีส่วนร่วมสร้างสรรค์พื้นที่แห่งการเกื้อกูลนี้ได้เช่นเดียวกั
สนใจเรียนรู้การสร้างสังคมแห่งความกรุณาสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Peaceful Death หรือ https://peacefuldeath.co