เปลี่ยนห้องเรียนเป็นห้องรับฟัง ด้วยไพ่ฤดูฝน - เรื่องเล่ากระบวนกรชุมชนกรุณา ครูเอื้อย วรรณพร หันไชยุงวา
วรรณพร หันไชยุงวา หรือ ครูเอื้อย อดีตแอร์โฮสเตสที่ผันตัวมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่จังหวัดสกลนครบ้านเกิด เป็นหนึ่งในกลุ่มครูผู้สอนที่เข้าร่วมทำกิจกรรม “ห้องเบาใจ” โครงการชุมชนกรุณาสกลนคร โดยใช้เครื่องมือ “ไพ่ฤดูฝน” ทำกิจกรรมกับนักศึกษาเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการรับฟังความรู้สึกความต้องการของนักศึกษา นำไปสู่การสร้างความเชื่อมโยง ความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจซึ่งกันและกัน
วรรณพรเล่าว่าเธอเคยเจอเรื่องราวกระทบกระเทือนจิตใจหลายครั้ง บางครั้งไม่สามารถจัดการอารมณ์ตนเองได้ อยากมีคนรับฟังและมีพื้นที่ปลอดภัยที่สามารถพูดคุยปรึกษา ระบายความรู้สึกได้ และเมื่อเธอผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้จากการรับฟัง จึงคิดว่าสังคมน่าจะมีพื้นที่การรับฟังเช่นนี้
เมื่อมาเป็นอาจารย์และได้ใกล้ชิดกับนักศึกษา ก็เห็นปัญหาที่คนวัยนี้เผชิญอยู่ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ความเครียดความกดดันในการเรียน ความคาดหวังในครอบครัว ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร ยิ่งยืนยันความคิดว่ามหาวิทยาลัยควรมีพื้นที่การรับฟังที่ช่วยให้นักศึกษามีทางออกจากปัญหาเหล่านี้ได้
“เรารู้สึกว่าปัญหาที่เราเจอไม่หนักมาก คนอื่นๆ ในสังคมอาจเจอปัญหาหนักกว่า มันน่าจะมีสิ่งที่ช่วยให้เขาจัดการอารมณ์ตนเองได้ เพราะตัวเราเอง จากที่คิดว่าเข้าใจตัวเองเยอะ พอมาเจอเรื่องอารมณ์ มันจัดการอะไรไม่ได้เลย ทำอะไรเองไม่ได้เลย ถ้าคนที่เป็นหนัก เขาอาจคิดสั้นหรือเปลี่ยนชีวิตได้เลย นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจเรื่องนี้”
“ไพ่ฤดูฝน” เครื่องมือสร้างพื้นที่การรับฟังที่ปลอดภัย
วรรณพรเลือกใช้ไพ่ฤดูฝนเป็นเครื่องมือสร้างการรับฟังในชั้นเรียน เนื่องจากเธอมีประสบการณ์ตรงที่ดีในการใช้ไพ่ฤดูฝน
“ตอนอบรมไพ่ฤดูฝนรู้สึกว่าไพ่ช่วยดึงคำตอบจากตัวเราออกมา เหมือนมีก้อนความรู้สึก ความต้องการอยู่มากมาย แล้วเราเลือกหยิบออกมา 1 อัน ไพ่ช่วยให้เราดึงปัญหาที่สำคัญสุด ที่หนักที่สุดออกมา ให้เราได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าจุดที่มีปัญหาคืออะไร และพบว่าไพ่ฤดูฝนไม่ใช่แค่ไพ่ที่มีคำพูด แต่เป็นไพ่ที่มีวัตถุประสงค์”
เธอได้นำไพ่ฤดูฝนมาใช้ในชั้นเรียน โดยประยุกต์ใช้ในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งมีกระบวนการสำคัญ 3 ขั้นตอนคือ 1) ให้ผู้ร่วมวงเล่าเรื่องราวที่รบกวนจิตใจในขณะนั้น 2) ผู้เล่าเลือกไพ่ความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเรื่องเล่านั้น แล้วแบ่งปันรอบวง 3) ผู้เล่าเลือกไพ่ความต้องการขณะที่เผชิญสถานการณ์ดังกล่าว แล้วแบ่งปันรอบวง 4) ผู้เล่าจับไพ่รุ้งเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ในระหว่างที่นักเรียนคุยกัน ครูจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยและการรับฟัง เช่น ไม่มีการพูดแทรก สั่งสอน หรือตำหนิ ครูอาจให้คำแนะนำในประเด็นที่จะเป็นประโยชน์กับนักเรียน
“ในชั่วโมงวิชาภาษาอังกฤษ เราให้เด็กเขียนเรื่องความทรงจำในวัยเด็กเป็นภาษาอังกฤษ พออ่านงานเขียนของนักศึกษาแล้วพบว่ามีความรู้สึกด้านลบ เราเลยเอาข้อความนั้นมาคิดว่า ขนาดเป็นงานเขียนเพื่อดูภาษาอังกฤษเฉยๆ เขายังใช้พื้นที่นี้ระบายความรู้สึกออกมาให้เราฟัง เลยคิดว่ามันน่าจะเอามาเชื่อมโยงกับไพ่ฤดูฝน เลยทำกิจกรรมไพ่ฤดูฝนในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ”
“ครั้งแรกจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีเด็กสมัครร่วมกิจกรรม 8 คน เริ่มกิจกรรมด้วยไพ่ความรู้สึก ให้เขาเลือกไพ่ 3 ใบ แล้วเล่าว่ารู้สึกอะไร เพราะอะไร ไพ่เป็นเหมือนกุญแจไขความรู้สึก เขาไม่ได้พูดถึงความรู้สึกในไพ่มาก ไพ่มันโดนและเขาก็เล่าเรื่องของเขาเลย ขั้นตอนต่อมาให้เลือกไพ่ความต้องการ 3 ใบ และให้ดึงมาพูดแค่ 1 ใบ ใช้เวลาพูดคนละประมาณ 5 นาที ปรากฏว่าครั้งแรกก็ระเบิดเลยค่ะ คนแรกร้องไห้ คนต่อมาก็ร้องไห้ ร้องไห้หมดเลย เราก็ไปไม่ถูก ไม่นึกว่ามันจะหนักขนาดนี้”
จากประสบการณ์ครั้งแรก วรรณพรสรุปได้ว่าควรใช้ไพ่ฤดูฝนเพื่อดูแลสุขภาพจิตทั่วไป ไม่ใช่เพื่อการบำบัดทางจิตวิทยาที่ครูผู้สอนต้องมีทักษะในการรับมือกับสภาวะอารมณ์ของนักเรียน ในอีกสองครั้งต่อมาเธอจึงตั้งโจทย์และชวนคุยเรื่องสุขทุกข์ทั่วไป เช่น ปัญหาการเรียน การคบเพื่อน เป็นต้น
“เราไม่ได้ยกประเด็นความทรงจำวัยเด็กมาอีกแล้ว เพราะตัวเองรับมือไม่ไหว และรู้สึกว่าตัวเองให้คำแนะนำได้ไม่ดีและจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งไหน เราไม่มีประสบการณ์แล้วไปคอมเมนท์อาจจะไม่ดี สองครั้งต่อมาจึงพูดเรื่องเรียน จึงได้เห็นความแตกต่างเลยว่า ถ้าเราเล่นใหญ่ มันก็จะใหญ่ (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นวัยรุ่น เราจิ้มอะไรเขาก็ไปตามนั้นเลย เขาพร้อมจะปล่อย (อารมณ์) เต็มที่ เราก็เลยต้องกั๊กไว้หน่อยเพราะเรารับไม่ไหว”
ให้กระบวนการกลุ่มทำงาน
วรรณพรได้ข้อสรุปจากการทำกระบวนการไพ่ฤดูฝนทั้ง 3 ครั้งว่า การรับฟังเรื่องของผู้อื่นควรเป็นกระบวนการกลุ่มแบบกลุ่มเล็ก เพื่อที่ผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสเล่าและฟังเรื่องราวสุขทุกข์ของตัวเองและผู้อื่นอย่างทั่วถึง
“เราคิดว่ากระบวนการกลุ่มมันดีตรงนี้แหละ การได้รับฟังทำให้เขารู้ว่าทุกคนก็มีความทุกข์และเขาได้ระบายออกมา เด็กบอกว่าเขารู้สึกดีใจที่อย่างน้อยได้เห็นความทุกข์ของเพื่อนและรู้สึกว่าความทุกข์ของเขามันเล็ก ทำให้เข้าใจเพื่อนมากขึ้น เขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าเพื่อนมีความทุกข์นี้”
ความท้าทายสำหรับวรรณพรในฐานะครูคือการวางใจรับฟังโดยไม่ทำหน้าที่สั่งสอนหรือแนะนำ นอกจากนี้ยังพบว่าบางปัญหาเธอไม่สามารถให้คำแนะนำได้ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตแบบนั้น
“เราก็เข้าใจนะว่าโดยกระบวนการ เราไม่ต้องพูดเยอะ ให้เขาฟังเรื่องของกันและกันเองแล้วเขาจะได้คำตอบเอง แต่พอเป็นอาจารย์ เรารู้สึกว่าไม่พูดไม่ได้ แต่กว่าจะได้คำพูดแต่ละคำก็คิดยากเหมือนกัน ฉันพูดอะไรออกมา มันจะบวกหรือมันจะลบ พอเป็นอาจารย์ต้องระมัดระวังคำพูด เพราะมันมีผลกระทบ และตัวเราเองก็ไม่เคยมีความกดดันแบบนั้นมาก่อน เราใช้ชีวิตแบบที่เราเลือกเอง มีหลายเรื่องที่เราก็รู้สึกว่า “โห โตกว่า ก็ใช่จะตอบได้” เราไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ ก็เลยใช้เวลานานในการให้นักศึกษาเท (ระบาย) ออก ให้คำปรึกษาไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้เขาได้เท”
“เครื่องมือ” แนะแนวทางชีวิตวัยรุ่น
เมื่อนักศึกษามีปัญหาแต่ไม่มีครูหรือผู้ใหญ่แนะนำทางชีวิต ไพ่ฤดูฝนจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้นักศึกษาเข้าใจตัวเองและรู้จักปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ชัดเจนขึ้น ผ่านการสำรวจความรู้สึกความต้องการที่สำคัญ
“เราชอบเครื่องมือนี้ บางทีเราอยากคุยกับใครสักคน ถ้ามีไพ่ฤดูฝนหรือไพ่อะไรก็ได้มาเป็นอุปกรณ์ในการเล่าเรื่อง เราว่ามันช่วยได้ดีเลย เราสนใจเครื่องมือนี้อธิบายความรู้สึก คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรมีมากๆ โดยเฉพาะในวัยรุ่น เพราะจำได้ว่าตอนเราเป็นวัยรุ่นเราก็กว่าเราจะผ่านมันมามันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”
“บางทีเขามีปัญหาแต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีปัญหา ตัวไพ่มันทำให้เขารู้ว่าเขามีปัญหาอะไรจากการดึง (ความรู้สึก-ความต้องการ) ออกมา เราคิดว่ามันน่าจะมีพื้นที่แบบนี้ ปกติโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยจะมีอาจารย์แนะแนวแต่จะเป็นการแนะแนวด้านอาชีพ มันน่าจะมีอาจารย์แนะแนวทางชีวิต เพื่อไกด์เขาได้ เพราะทุกคนไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวเหมือนกัน บางคนไม่มีที่ปรึกษาเลย เขาอาจไปทางอื่นโดยที่ช่วยเหลือไม่ทัน ถ้าโรงเรียนหรือสถานศึกษามีคนที่ได้รับการฝึกด้านนี้มา หรือเป็นหน่วยงานหรือเป็นพื้นที่ให้เขาเข้าไปหาได้เลย บางทีอาจจะดีกว่าสายด่วนด้วยซ้ำ คิดว่าสมควรมีมากๆ”

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย ภารดี ปลอดภัย - เมษายน 2565