
Greenbook Cafe-Space
คาเฟ่ ความตาย และความหมายของการมีชีวิตอยู่
Greenbook Cafe-Space ตั้งอยู่ในตัวเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นคาเฟ่ เป็นร้านหนังสืออิสระ เป็นพื้นที่การเรียนรู้ชุมชน และเป็นพื้นที่พักกายใจให้แก่นักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้แบกเป้ที่เดินทางผ่านมาหรือนักสำรวจเพื่อเดินทางภายใน
…
ทุกครั้งที่เก็บกระเป๋าออกเดินทางไกล พี่เชคเป็นอันต้องแวะร้านหนังสืออิสระในท้องถิ่นนั้นเสมอ นับวันความฝันที่จะเปิดร้านหนังสือของตัวเองจึงชัดเจนมากขึ้นทุกที ประกอบกับความสนใจประเด็นทางสังคม สิ่งแวดล้อมจนกระทั่งเรื่องภายใน จิตวิทยา การภาวนา และการเข้าใจตนเอง ทั้งหมดล้วนหล่อหลอมรวมกันเกิดเป็นร้านหนังสืออิสระของตนเองในชื่อ Greenbook Cafe-Space คาเฟ่และร้านหนังสือที่พร้อมจะชวนเหล่านักเดินทางและผู้คนในชุมชนออกเดินทางอีกครั้งไปพร้อมกับเขา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การเดินเท้าระยะทางไกล แต่ทว่าเป็นการเดินทางเข้าสู่ภายในเพื่อสำรวจจิตใจต่างหาก
ดิเรก ชัยชนะ หรือ พี่เชค เล่าให้เราฟังถึงที่มาของจุดเริ่มต้นของ Greenbook Cafe-Space สถานที่ที่เขาอยากให้เป็นมากกว่าร้านหนังสือแต่เป็นพื้นที่การเรียนรู้ของชุมชนผ่านการภาวนา ศิลปะ สุนทรียะ และความตาย
ห้องเรียนสุนทรียะกับความตาย
หลังจากทราบข่าวว่าพี่สาวเป็นมะเร็ง ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้พี่เชคอยากลองรู้จักความตายผ่านมิติอื่น ครั้งหนึ่งเคยได้อ่านหนังสือที่เล่าประสบการณ์ก่อนตายของพระเซนที่ โดยถูกถ่ายทอดอย่างเข้มข้นเป็นบทกวีและมอบเป็นคำสอนสุดท้ายให้แก่ลูกศิษย์ พี่เชคคิดว่าเรื่องของความตายอาจถ่ายทอดออกมาได้หลายรูปแบบ นั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ ”ห้องเรียนสุนทรียะกับความตาย”
การสนทนาและความรู้
ในห้องเรียนจะเน้นการสนทนาและแลกเปลี่ยนมุมมองของความตายในหลายมิติ นอกจากความตายจะถูกมองด้วยมิติของร่างกายแล้ว มุมมองทางจิตวิญญาณก็ให้ความหมายที่แตกต่างไว้เช่นกัน หรือในมุมมองของศาสนา เช่น วชิรยาน สุขาวดี หรือเซน เป็นอย่างไร ทำงานอย่างไรที่ทำให้คนเกิดการยอมรับและยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างคลี่คลาย ในคลาสมีการเชิญวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับมุมมองของความตาย ศิลปะและสุนทรียะ (อ.ศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยา) มาร่วมโดยช่วงสุดท้ายจะใช้ศิลปะมาช่วยแก้ไขสิ่งที่ผูกรั้งเราไม่ให้ยอมรับความตายผ่านการวาดภาพ
การภาวนา: ความงามของความแตกสลาย มรณานุสติกับมุมมองของสูญญตา
“คุณเคยมีภาวะหัวใจแตกสลายไหม?”
นี่เป็นเพียงคำถามแรกสำหรับผู้เข้าร่วมคอร์สการภาวนาเพื่อเริ่มพูดคุยกับผู้เข้าร่วมถึงประสบการณ์อันแสนบีบคั้นในชีวิต ส่วนมากเป็นข่าวร้ายหรือความเจ็บป่วยของคนในครอบครัวทำให้เกิดภาวะเกิดทางจิตใจส่งผลต่อร่างกาย การภาวนาจะเข้าไปคลี่คลายทั้งร่างกายและจิตใจนั้นได้
ท้ายที่สุดแล้วเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าความตายมี 2 แบบ คือ การตายจากทางร่างกายจริงๆ และการตายไปของอีโก้ที่ขวางกั้นการยอมรับความจริงขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นั่นเอง การภาวนาจะช่วยขยายขอบเขตของจิตใจเรา ให้เรายอมรับต่อสิ่งต่างๆได้กว้างขึ้นเมื่อเราทำได้ดังนั้น เราจะยินดีกับทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ทำให้เราไม่มีความทุกข์กาย ที่เรียกว่า มรณานุสติ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผู้เข้าร่วมต้องลองทำด้วยตนเอง
อิเคบานะ: วิถีแห่งดอกไม้
การจัดดอกไม้จะเป็นการทำงานกับทัศนคติให้ยอมรับธรรมชาติ ปลดปล่อยตัวเองจากการควบคุมเรื่องต่างๆ เมื่อเราไม่ควบคุม เราจะยินดีกับทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต กลายเป็นความกล้าหาญ กิจกรรมทั้งหมดในห้องเรียนนี้มีหลักการร่วมกันที่สำคัญคือให้ทุกคนได้เปิดจิตใจให้กว้าง ยอมรับสิ่งเปลี่ยนแปลง ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่เกิดแม้จะเป็นการสูญเสีย และความไม่แน่นอนของชีวิตก็ตาม
เอาสิ่งที่ได้ในห้องเรียนไปใช้อย่างไร
ผู้เข้าร่วมบางรายมีหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย เมื่อผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตก็ได้แต่ปลอบใจว่า “ความตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตนะ” ซึ่งเป็นการสื่อสารที่แคบมาก เขาไม่สามารถสื่อสารไปได้ไกลกว่านี้เนื่องจากไม่รู้ว่าความตายคืออะไร แต่เมื่อได้ผ่านประสบการณ์ตรงในห้องเรียนทำให้มองความตายด้วยสายตาอีกมุมหนึ่ง เมื่อเกิดสถานการณ์อันเข้มข้นนั้นอีก เขาสามารถเลือกที่จะวางตัว วางใจของตนเองในนาทีนั้นๆให้ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และตนเองรู้สึกเบาสบายมากขึ้น
ห้องเรียนจะนะศึกษา โมเดลแรก
โมเดลแรกของร้านเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ใช้ชื่อว่า “ห้องเรียนจะนะศึกษา” เนื่องจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลสูงมาก แต่กำลังกลายเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม หลักสูตรจึงเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และสังคม หลักสูตรถูกแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1) ด้านวิชาการ ให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของจะนะ ทั้งสภาพของตัวเมืองและความอุดมสมบูรณ์ของทะเลในอ.จะนะในปัจจุบัน ผู้เข้าร่วมจะได้ร่วมพูดคุยกับนักวิชาการทางสิ่งแวดล้อม 2) ด้านประสบการณ์ ผ่านการวาดภาพ ถ่ายภาพ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเห็นความงดงามของทะเล เกิดประสบการณ์ตรงที่เชื่อมโยงตนเองเข้ากับธรรมชาติ 3) ด้านการภาวนา หรือที่เรียกว่า “นิเวศภาวนา” คือการให้ผู้เข้าร่วมอยู่ที่ชายหาด และลองเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับพื้นที่นั้นๆ ลองจินตนาการถึงว่าตนเองเป็นแมงกะพรุนในท้องทะเลและไหลไปตามกระแสคลื่น แล้วรู้สึกไปกับมันโดยไม่ใส่ความเป็นตัวตนของเราเข้าไป 4) การสื่อสารอย่างสันติ เพื่อให้เข้าใจเสียงของชุมชนอย่างแท้จริงจึงพาผู้เข้าร่วมไปสู่ชุมชน พูดคุยและรับฟังถึงความเห็นหรือปัญหาของคนในพื้นที่โดยไม่ตัดสิน
กิจกรรมในอนาคต
ปีนี้วางแผนว่าจะสร้างโปรแกรมการเรียนรู้ชื่อ สุนทรียภาวนา เป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยประคับประคอง หรือ caregiver เน้นการสื่อสารกับผู้ป่วยระยะท้ายและญาติของผู้ป่วย โดยใช้เกมไพ่ไขชีวิตและสมุดเบาใจเป็นเครื่องมือ รวมถึงมีคอร์สภาวนาด้วย เป้าหมายอยากสร้างชุมชนให้มีส่วนร่วมจึงอาจจัดกิจกรรมทั้งหมดที่สถานีอนามัย ให้ผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยและผู้สนใจมาสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อไปในระยะยาว
“กิจกรรมเหล่านี้ ผมมองว่ามันทำให้เรามองความตายด้วยสายตาที่เปิดกว้างมากขึ้น การมีทัศคติที่ดีต่อความตายจะนำไปสู่การยอมรับด้านอื่นๆของชีวิต เรารื่นรมย์กับมันได้ และชื่นชมกับทุกช่วงเวลาไม่ต้องรอให้ถึงวันสุดท้าย แล้วนั่นจะทำให้เราอยากใช้ชีวิตและความสุขกับชีวิตอย่างกล้าหาญ..” พี่เชคกล่าวทิ้งท้าย.
วันที่ออกอากาศ: 14 กุมภาพันธ์ 2564
ผู้เรียบเรียง: ปุณยอาภา ศรีคิรินทร์