![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/33-1.jpg)
![parallax background](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-0.jpg)
‘ชีวิต’ เป็นผู้กำหนดความตาย…จริงหรือ?
ใช่ ‘ความตาย’ หรือไม่ที่เป็นผู้ชักเชิดหุ่นชีวิตของทุกผู้ทุกนามให้โยกตัวไหวกายเริงระบำไปในโลกมายา คอยกำกับชีวิตผู้คนอยู่ทุกฝีก้าว แนบชิดทุกลมหายใจ หากกลับร่ายมนต์ให้เจ้าของชีวิตคิดว่าตนสามารถรื่นเริงราวกับมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ ด้วยคาถาสั้นๆ ว่า – จงลืม!
ว่ากันว่า…เมื่อยังพาใจกลับบ้านที่แท้จริงไม่ได้…เรามักดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บัญชาการนามว่า “ความคิด”
![3105-1-2](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-2.jpg)
ในบทสัมภาษณ์เรื่อง DI(E)ALOGUE - เรียงร้อยมรณา คุณมโน วงเวียน ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย กล่าวได้อย่างน่าสนใจว่า “‘รื่นรมย์’ กับการใช้ชีวิตที่เหลือ ด้วยการออกจากความคิด เมื่อเห็นความจริง เราจึงเป็นอิสระ เป็น Houseless ได้ แต่อย่าเป็น Homeless ใจไร้บ้าน ใจป่วยจึงส่งผลต่อกายป่วย”
ทุกครั้งที่ความตายมาเคาะประตูอยู่ตรงหน้า ความคิดมากมายล้วนประดังประเดเข้ามาโดยไม่สามารถจัดลำดับก่อนหลังได้เลยว่า ควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปดี แม้อยากจะหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า ดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเลลึกก็ไม่สามารถกระทำได้ ด้วยความจริงที่มหาบุรุษผู้ตื่นรู้…ตรัสว่า
ไม่มีสถานที่ใดที่ความตายมิอาจย่างกรายไปถึง…ไม่ว่าจะเป็นในห้วงนภากาศ ในมหาสมุทร หรือแม้แต่ในยามที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา…
บางคนตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ บางคนก็ตอนคลอด บางคนก็ในเวลาที่คลานได้ บางคนก็เมื่อเดินได้ บางคนในยามชรา บางคนเมื่อโต จากไปทีละคน…เหมือนผลไม้ที่ร่วงหล่นสู่พื้นดิน
‘ความคิด’ ไม่เพียงแต่บงการให้เราเสกสรรปั้นเรื่องคิดนานัปการ โดยเฉพาะเรื่อง ‘ความตาย’ ตั้งแต่เริ่มก่อตัวเป็นเพียงเสียงกระซิบเล็กๆ ในหัวใจ หากยังประกาศกร้าวต่อสาธารณชนถึงความมี ‘ตัวตน’ ซึ่งล่อลวงให้เราสำคัญว่ามีอยู่จริง ความคิดที่จะเอาชนะความตายจึงมักวนเวียนกับมนุษย์เราทุกยุคทุกสมัย…อย่างน้อยก็เพื่อชะลอไว้ ด้วยความคิดที่ว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะตาย ยังไม่ถึงเวลา” และนี่คือ ‘อัตตา’ ที่ประหัตประหารเราให้ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด เวียนวนไม่รู้จบสิ้นอยู่ใน ‘กรง’ ที่ยากต่อการมองเห็น
แล้วใครล่ะที่ทำให้เรา ‘ตื่น’ ขึ้นมารับรู้ความจริงว่า ‘ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง’ ถ้าไม่ใช่ ‘ความตาย’
![3105-1-3](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-3.jpg)
คุณภูดิส ศิริพันธุ์ เจ้าของร้านกาแฟอดีตนักกิจกรรม ติดกับคำว่า ‘ต้องเป็นคนดี’ เมื่อป่วยหนัก คิดฆ่าตัวตายหลายครั้งจนตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราทำอะไรเพื่อตัวเราเอง และครอบครัวจริงๆ บ้างหรือยัง?” กำแพงความคิดที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองทลายลงด้วยความตายที่คืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมหยิบยื่นการเติบโตทางจิตวิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย กระทั่งผู้ตาย ล้วนได้รับบทเรียนที่แตกต่างกันออกไป แม้ ‘ความตาย’ ไม่เคยให้ชีวิตใครกลับคืนมาดังที่
![3105-1-4](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-4.jpg)
คุณศุภสุดา ด้วงทองอยู่ นักศึกษาผู้สูญเสียคนใกล้ชิด กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ แต่อาจจุดประกายให้ผู้อยู่ข้างหลังฉุกคิดถึงเรื่องความตายในแง่ของการเกิดว่า ‘ถ้าวันหนึ่งฉันต้องตาย แล้วฉันเกิดมาทำไม?’ หากเพื่อรู้แจ้งในที่สุดแห่ง ‘ทุกข์’ คือคำตอบของการเกิด เราทำหน้าที่ศึกษาจนถึง ‘ความรู้แจ้ง’ นั้นแล้วหรือยัง หรือจะรอให้ ‘ขณะจิตสุดท้าย’ มาทวงถามก่อนที่สติสัมปชัญญะการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสจะสิ้นสุดลงด้วยคำตอบว่า - ยัง!
ความเจ็บป่วยไล่เลียงไปจบลงที่ความตาย เป็นสิ่งที่เรียก ‘สติ’ เรากลับมาอยู่กับตัวมากกว่าความเป็นอยู่ตามปกติ ทั้งๆ ที่เราต่างรู้กันดีว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ… เพราะร่างกายนี้เปรียบเสมือนเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวทำงานไปตามหน้าที่ของมัน แม้แต่จิตใจนี้ก็ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ เป็นสิ่งที่เกิดดับไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไป เป็นเพียงความรู้ที่เกิดจากการอ่าน การฟัง แต่ไม่ใช่เกิดจากความ ‘รู้สึก’ ตัวจริงๆ
![3105-1-5](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-5.jpg)
คุณธีรภาพ พรประดิษฐ์ นักแสดงละครใบ้ผู้เคยมีประสบการณ์ป่วยด้วยเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองจนทำให้ความทรงจำบางช่วงของชีวิต…หายไป กล่าวถึงบทเรียนสำคัญครั้งนั้นว่า “เมื่อก่อนผมยังคิดว่าร่างกายเป็นของผม ดูแล ประคับประคอง ออกกำลังกาย พอถึงเวลา ใครเอาไปไหนก็ไม่รู้ มันรู้สึกเลยว่า…ไม่ใช่ของเรา”
![3105-1-6](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-6.jpg)
“ความเจ็บปวดมันบีบคั้นเรามาก เพราะเรา ‘คิด’ เยอะมากว่าจะทำยังไง จึงกลับไป ‘จับความรู้สึก’ ด้วยการสังเกต” คือบทสัมภาษณ์ของคุณประสาท ประเทศรัตน์ อดีตนักดนตรีอาชีพที่ประสบอุบัติเหตุทำให้กระดูกหลังเคลื่อนจนต้องนอนบนเตียงเฉยๆ ด้วยความเจ็บปวดทรมาน
![3105-1-7](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-7.jpg)
ไม่ใช่แต่การ ‘เฝ้าดู’ อาการปวดของตัวผู้ป่วยเองจะทำให้ ‘เห็น’ ความรู้สึกตนชัดเจนขึ้น แม้แต่ผู้ดูแลผู้ป่วย ก็สามารถ ‘ฝึกสติ-รู้สึกตัว’ ได้เช่นกัน คุณสวนีย์ อุทุมมา ผู้ดูแลญาติที่ป่วยเรื้อรัง ระบายความรู้สึกถึงการที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ตนไม่ชอบว่า “เมื่อรู้ตัว เราจะเห็นอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ เหมือนเปลี่ยนมวลของความไม่พอใจ การจัดการมวลอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ” ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเรียนรู้การฝึกสติ หากเมื่อนำมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่ไม่มีใครอยากดูแล เธอในฐานะหลานสาวจำต้องแบกรับภาระนี้ กระทำไปด้วยอาการหงุดหงิด กระฟัดกระเฟียด เพราะความไม่รู้สึกตัว จนท้ายสุดเธอยอมรับว่า ‘สอบตก!’
![3105-1-8](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-8.jpg)
“ผู้ป่วยไม่ได้ทนกับความปวด แต่ ‘เห็น’ ความปวด เรียนรู้กับความปวด แล้วจึงอยู่กับความปวด…เราจะเกลียดหรือรักใครได้มากแค่ไหนกันแน่ แล้วเราอยู่ตรงไหนกันแน่ ในเมื่อเคยเห็นแล้วว่าเรามันไม่มี… ความ ‘จางคลาย’ เราจะรู้สึกได้เอง” คุณนิลชา เฟื่องฟูเกียรติ ผู้ปฏิบัติธรรม มีโอกาสดูแลผู้ป่วยท่านหนึ่งจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตกล่าวทิ้งท้ายได้อย่างน่าสนใจ
เป็นไปได้ไหม ที่ความเจ็บปวดทำให้เราดำรงสติมั่นอยู่กับความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เป็นความรู้สึกสดๆ ที่เกิดขึ้นมาชั่วขณะของปัจจุบัน ซึ่งอาจเป็นความลับหนึ่งของการภาวนาบนความเจ็บปวด และเมื่อถึงที่สุดของความเจ็บปวด จึงนำมาซึ่งการ ‘ถอนตัวตน’ ในที่สุด
การได้ใกล้ชิดความตาย ทั้งหมดนี้สอนให้เราทุกคนกลับมาทบทวนชีวิตที่เหลืออยู่ กระตุกให้เราครุ่นคิดเพื่อหาคำตอบเฉพาะตัวเราเองว่า - ความ ‘ตั้งใจ’ ที่จะมีชีวิตอยู่ กับ ความ ‘อยาก’ ที่จะอยู่ มีลมหายใจไปวันๆ เราเลือกสิ่งใด? เส้นทาง ท่วงท่าลีลา ความหนักเบาของจังหวะการย่างก้าวของชีวิต ตัวเราเป็นผู้กำหนด หากระยะเวลาต่างหากที่เว้นว่างไว้ ดังที่พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล สอนว่า ‘พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อนกัน’
เพราะความตายคือสัจธรรมบทสุดท้ายของการมีชีวิตที่สะท้อนเรื่องราวด้านในของคนเราออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรสามารถปกปิดได้เลยแม้แต่น้อย ชัดเจนเสียยิ่งกว่าการมีชีวิตอยู่ทุกวันด้วยซ้ำ เป็นความจริงที่มองเห็นได้ ทั้งจาก ‘ตาเนื้อ’ และ ‘ตาใน’ จับต้องได้ และให้คุณค่ามากต่อการ ‘ตื่นรู้’ ของผู้กำลังอยู่ในชั่วขณะจิตสุดท้ายและผู้ที่ยังคงอยู่เบื้องหลังเพื่อ...พิจารณา
![3105-1-9](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-9.jpg)
“ต่อไปนี้เราจะอยู่…เพื่อที่จะตายยังไงมากกว่า” เป็นคำพูดสั้นๆ ของคุณสุธารัตน์ สินนอง นักทำละครหุ่น ผู้สูญเสียมารดาในวันที่เธอยังไม่ได้เตรียมใจ คงต้องยอมรับว่า…ทุกชีวิตล้วนเป็น ‘หนี้ทุกข์’ ที่มาในรูปแบบของความเจ็บป่วยและความตายกันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความตาย’ เป็นมหรสพทางวิญญาณที่ ‘ทุกคน’ สามารถศึกษาสัมผัสได้โดยตรง เพราะเป็นเรื่องจริงของชีวิตเหมือนเรื่องอื่นๆ ดังที่
![3105-1-10](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/06/3105-1-10.jpg)
คุณนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ หรือคุณเต๋อ ผู้กำกับภาพยนตร์ DIE TOMORROW กล่าวว่า “ความตายมัน ‘moving’ ตลอดเวลา”
โดยไม่ต้องมีข้อความกำกับว่า
‘โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม’
ติดตามชมคลิปวิดีโอ DI(E)ALOGUE…เรียงร้อยมรณา ได้ที่นี่
https://www.youtube.com/playlist?list=PLcDb3ouWunUfFgEjII32PQ_Nl6A2hidM-