
โดยปกติเราจะมักคุ้นกับการช่วยเหลือในรูปแบบของตัวเงิน จะดีกว่าไหมหากการช่วยเหลือไม่ได้จำกัดเพียงการให้เงิน แต่ยังกระจายความช่วยเหลือไปสู่ฝ่ายอื่นๆ ควบคู่กันด้วย ดังเช่น Care Nation องค์กรผลิตพวงหรีดจากกระดาษรีไซเคิลและกระดาษป่าปลูก ที่สามารถต่อยอดความช่วยเหลือไปให้กับทั้งชุมชน สิ่งแวดล้อม ผู้รับบริการ และมูลนิธิต่างๆ ได้ เป็นธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ซึ่งแตกต่างจาก CSR และมูลนิธิ ตรงที่จุดมุ่งหมายการดำเนินธุรกิจเป็นไปเพื่อนำกำไรกลับคืนสู่สังคม ขณะเดียวกันธุรกิจก็อยู่รอดได้ด้วยตนเอง
จากการร่วมพูดคุยกับปรัชญ์ รังสิมานนท์ และเปรมชัย บุญเสริมวิชา ตัวแทนจาก Care Nation ที่มาบอกเล่าที่มาที่ไปของธุรกิจพวงหรีด และการรวมองค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านการอยู่ดีและตายดีมาเชื่อมโยงกัน จุดเริ่มต้นของธุรกิจเกิดจากสองผู้ร่วมก่อตั้งคือปรัชญ์ รังสิมานนท์ และสรณัญช์ ชูฉัตร ซึ่งร่วมทำงานเพื่อสังคมมาด้วยกัน โดยมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ทั้งสองช่วยเหลือคือ มูลนิธิบ้านลูกเหลียงซึ่งดูแลเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่จากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ต้องใช้เงินเพื่อเป็นทุนการศึกษา ค่าครองชีพ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภายในมูลนิธิ แต่หลายครั้งที่เงินบริจาคไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือบ้าง ประจวบกับทั้งคู่มีโอกาสไปร่วมงานศพ แล้วเห็นพวงหรีดแขวนอยู่ คำนวณได้เป็นเงินจำนวนมาก จึงเห็นว่าควรนำเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส จึงตัดสินใจสร้างธุรกิจพวงหรีด Care Nation และต่อยอดความช่วยเหลือให้ครอบคลุม 3 ฝ่าย คือ หนึ่ง ชุมชน ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากความต้องการช่วยเหลือคน จึงให้ชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในการผลิต เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน สอง สิ่งแวดล้อม พวงหรีดโดยทั่วไปใช้โฟมและพลาสติกเป็นวัสดุหลักในการผลิต จึงสร้างขยะจำนวนมากจนเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม องค์กรจึงริเริ่มใช้กระดาษรีไซเคิลและกระดาษป่าปลูกเป็นวัสดุหลักในการทำพวงหรีดเพื่อลดขยะ และสาม การบริจาคให้กับคนที่ลำบาก โดยการส่งต่อรายได้จำนวน 10-40% จากทุกการสั่งซื้อพวงหรีดให้กับมูลนิธิที่ลูกค้าต้องการบริจาค โดยมีใบเสร็จและใบกำกับภาษีการบริจาคให้ เช่นเดียวกับกระดาษที่ใช้ผลิตพวงหรีดก็มีใบรับรองว่ามาจากป่าปลูกจริง เพื่อแสดงความโปร่งใสและความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม หลายคนยังมีข้อสงสัยในการดำเนินธุรกิจของ Care Nation ทั้งเรื่องการแย่งงานเกษตรกรและราคาสินค้าที่สูงกว่าเจ้าอื่นๆ คุณปรัชญ์อธิบายว่า หากสำรวจดูจะพบว่าในประเทศไทยแทบจะไม่มีการปลูกดอกไม้ที่ใช้ในพวงหรีดเลย ส่วนใหญ่มักจะนำเข้ามา ส่วนเรื่องของราคาสินค้า บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำตลาดเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และตัวผลิตภัณฑ์ใช้บริษัทดีไซน์ชั้นนำเป็นผู้ออกแบบเพื่อให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด จะเห็นว่าองค์กรดำเนินงานในรูปแบบของบริษัท แต่ผลผลิตและกำไรที่ได้เป็นไปเพื่อช่วยเหลือและส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น
เนื่องจาก Care Nation เป็นองค์กรที่สร้างโอกาสให้กับผู้คน จึงมีผู้สนใจมาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมาก ในอนาคตองค์กรหวังจะขยายธุรกิจไปทั่วประเทศ ตั้งจุดกระจายสินค้าในภาคต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างงานให้กับชุมชน โดยใช้จุดแข็งขององค์กรคือเรื่องดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมในการทำงาน ทำดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อรวบรวมเครือข่ายองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความตายให้ครอบคลุมมากขึ้น ดึงองค์กรที่ทำงานออฟไลน์เข้ามาทำงานร่วมกันในระบบออนไลน์ ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละองค์กร ทั้งเรื่องทักษะการดูแล เยียวยา การสูญเสีย บุคลากรด้านสุขภาพ และงานศพ งานพิธี ตัวอย่างเช่น Care Nation, Peaceful Death และชีวามิตร เป็นต้น เพราะจะทำให้การช่วยเหลือผู้คนมีพลังมากขึ้น ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงคนทำงานที่เกี่ยวกับความตายในด้านต่างๆ และเลือกใช้บริการได้ตรงตามความจำเป็นและความสนใจ
ผู้ที่สนใจสินค้าหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ทาง 1. www.care-nation.com 2. Line @care-nation และ 3. FB: Care nation (https://www.facebook.com/CarenationThailand)
วันที่ออกอากาศ: 1 มีนาคม 2564
ผู้เรียบเรียง: สุรพิน อยู่สว่าง