
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งควบคู่ไปการพัฒนาชุมชน คือการพัฒนาตนเองที่ลึกลงไปถึงภายในจิตใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจสถานที่ ชุมชน ผู้คน และสะท้อนความเป็นตนเอง ร่วมพูดคุยกับคุณวิสุทธิ์ เหล็กสมบูรณ์ หรือครูยอด นักวิชาการอิสระและนักพัฒนาชุมชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มาบอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาชุมชนที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาภายในของตนเองและรักษาสมดุลชีวิต
ครูยอดทำงานพัฒนาชุมชนทั้งรูปแบบกายภาพ ออนไลน์ และข้ามพรมแดน หลากหลายประเด็น เช่น ชาติพันธุ์ เครือข่ายผู้พิการ และสิทธิของผู้คน เป็นต้น ไม่ได้นำเรื่องของพื้นที่เป็นตัวตั้ง แต่เปลี่ยนประเด็นต่างๆ ไปตามวงจรชีวิตและความสนใจในแต่ละช่วงเวลา จึงครอบคลุมเรื่องเด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ และภายหลังมาสนใจเรื่องการตายดี
การทำงานพัฒนาชุมชน ครูยอดเสนอว่าจำเป็นต้องทดลองก่อน ว่าสิ่งที่ใช่สำหรับเราคืออะไร มีองค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมใดที่จะช่วยให้เราเห็นตัวเองชัด ว่าควรไปทิศทางไหน และอาศัยปัญญาสามช่วยให้เกิดการพัฒนาภายในตนเอง คือ การศึกษาหาข้อมูล, การมีจิตใจที่นิ่ง มีสมาธิ และการฝึกปฏิบัติ ทบทวน แล้วถ่ายทอดออกมา
กระบวนการทำงานกับชุมชนให้สัมฤทธิ์ผล ผู้ปฏิบัติจะต้องมีจิตเปิดกว้าง พร้อมรับสิ่งต่างๆ ที่ไหลเวียนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของชุมชน ผู้คนในพื้นที่ กล่าวคือ เป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างชุมชนและตัวเราเอง ครูยอดจะเน้นเรื่องจิตเป็นสำคัญ ถ้าจิตใจไม่คลี่คลาย การทำงานจะไปรับใช้อดีต จนอาจสร้างความตึงเครียดให้กับผู้ปฏิบัติงาน และชุมชนจะรู้สึกว่าถูกเค้นเอาคำตอบ ผลสุดท้ายคือเกิดความไม่เข้าใจระหว่างกัน
หลังจากวิเคราะห์ ตรวจสอบแล้ว นักพัฒนาจึงต้องวางอุเบกขา ปล่อยวางตัวตนและอคติลง ให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดทางเลือกของพวกเขาเอง ไม่แทรกแซงมากเกินไป จะทำให้นักพัฒนาเป็นอิสระจากการผูกมัดไม่ว่าเรื่องความดีหรือร้าย และหากเป็นไปได้ควรให้ผู้อื่นมาช่วยวิเคราะห์ด้วย เป็นการมองแบบนักมานุษยวิทยาที่จะต้องวิเคราะห์ตัวเองตลอดเวลา มองจากฐานล่างขึ้นบน ปฏิเสธการเชื่อมุมมองใดมุมมองหนึ่ง แต่มองเรื่องต่างๆ จากหลายมุมมองอย่างเชื่อมโยงกัน แล้วนำมาสกัด จนสุดท้ายให้ผู้มีส่วนได้เสียเลือกเส้นทางของตนเอง
จากประสบการณ์ทำงานชุมชนที่ผ่านมา ครูยอดต้องปรับวิถีชีวิตที่รู้สึกว่าขาดพร่อง 2 อย่าง เพื่อให้เข้ากับการทำงานในชุมชน หนึ่งคือ การฝึกศิลปะ ซึ่งช่วยให้เกิดสมดุลระหว่างหลักวิชาและสุนทรียะ การทำงานพัฒนาชุมชนจะราบรื่น ผู้เข้าร่วมและผู้ปฏิบัติงานเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ อยากทำกิจกรรมต่อไป สองคือ การทำความเข้าใจธรรมชาติและสิ่งที่จะทำงานด้วย เป็นการมองชุมชนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลาย มีการยืดหด การยอมรับ และการต่อต้าน การไม่ยึดติดกับความคิดของตนเอง จะช่วยให้วางท่าทีในการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และการวัดผลลัพธ์การทำงานเป็นจริง ใกล้เคียงกับลักษณะของชุมชนที่สุด เนื่องจากเป็นการมองจากรากฐาน และการวางแผนและวิธีการทำงานจะมีกระบวนการคิดของชุมชนรวมอยู่ด้วย
ครูยอดยังมองว่าเป้าหมายที่สำคัญของการทำงานพัฒนา คือนวัตกรรม หรือการทำสิ่งที่ยังไม่มีใครทำหรือทำยาก แล้วส่งต่อไปยังผู้อื่น เป็นความรู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับโลก
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีมีความทันสมัยและเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา ผนวกกับการเผชิญหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกับผู้คนทุกระดับ และอาจส่งผลให้การพัฒนาชุมชนทำได้ไม่เต็มรูปแบบ ครูยอดแนะนำให้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวตั้งหลักทบทวน ศึกษาเพื่อเติมเต็มความรู้ของตนเอง และพูดคุยเพื่อหาแนวโน้มข้างหน้า
ส่วนสิ่งที่ต้องระวังคือ การอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอันคุ้นเคย จะทำให้ไม่เกิดการพัฒนา และการไม่อยู่กับปัจจุบัน อาจทำให้รับมือกับเหตุการณ์ฉับพลันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
สิ่งที่ครูยอดจะทำต่อไป คือแผนการ 10 ปีข้างหน้า ว่าจะทำอะไรกับชีวิตบ้าง ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และเรื่องความเชื่อ โดยเฉพาะจิตใจที่ควรสื่อสารในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อออกแบบธรรมชาติในตัวเราให้เข้ากับช่วงเวลา และเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ท้ายที่สุด ครูยอดเสนอแนะว่า การทำงานพัฒนาชุมชน ต้องมองทั้งตนเองและชุมชน เคารพการตัดสินใจของชุมชน ให้เชื่อมั่นว่าชุมชนมีศักยภาพในการพัฒนา แต่อาจขาดองค์ความรู้บางอย่าง เป็นหน้าที่ของนักพัฒนาชุมชนที่จะต้องสะท้อนให้ชุมชนเห็นทางเลือกต่างๆ ด้วยการย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย สร้างกระบวนการทำงานที่ชุมชนมีส่วนร่วม ส่วนผู้ปฏิบัติงานควรรักษาสมดุลของตนเองให้มีสุขภาวะที่ดี
ติดตามเรื่องราวและประสบการณ์ของครูยอดได้ที่ “The Inside – Out ปัญญาปฏิบัติ” ผ่านแอปพลิเคชัน Spotify และ Anchor หรือเฟซบุ๊ก Wisut Leksombun
วันที่ออกอากาศ: 27 กุมภาพันธ์ 2564
ผู้เรียบเรียง: สุรพิน อยู่สว่าง