parallax background
 

สติ มรรคาแห่งการดูแลจิตใจผู้ป่วย

ผู้เขียน: เอกภพ สิทธิวรรณธนะ หมวด: ประสบการณ์ชีวิต


 

“สติ” หลายคนคำนี้เป็นคำของพระและผู้ปฏิบัติธรรม แต่ความจริงแล้ว สติยังเป็นคำที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลควรให้ความสนใจ เพราะสติให้ผลอย่างมากในการนำพาผู้ป่วยให้พ้นจากความทุกข์ แม้กระทั่งสามารถเผชิญความตายได้อย่างสงบ บทความนี้จะกล่าวถึงการนำบทเรียนจากงานอบรมและเวทีแลกเปลี่ยนในโครงการสังฆะดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับเรื่องนำความรู้ความเข้าใจเรื่องสติมาประยุกต์ใช้เยียวยาจิตใจผู้ป่วยในสถานการณ์ต่างๆ

การดูแลโดยให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางต้องอาศัยสติ

เรามักได้ยินเสมอว่า การให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการดูแลเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ดูแลควรคำนึงถึงความรู้สึก ความต้องการ และให้การดูแลที่เหมาะสมตามที่ผู้ป่วยต้องการรับ มิใช่การให้ในสิ่งที่ผู้ดูแลต้องการให้ แต่ความเป็นจริง การดูแลโดยให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเกิดขึ้นไม่ง่าย เพราะผู้ป่วยมักอยู่ในสถานภาพที่เปราะบาง ด้อยอำนาจกว่าผู้ดูแล ดังนั้น ผู้ดูแลไม่ว่าจะเป็นญาติหรือบุคลากรสุขภาพจึงต้องมีสติ เท่าทันความคิดและการกระทำของตัวเองว่าการดูแลของตนนั้นคำนึงถึงผู้ป่วยมากน้อยเพียงใด เคารพในศักดิ์ศรีของผู้ป่วยหรือไม่

อยู่กับปัจจุบันขณะ

ดังที่พระสงฆ์ จิตอาสา พยาบาล ผู้ผ่านประสบการณ์ดูแลเยียวยาจิตใจผู้ป่วยสะท้อนการเรียนรู้ “เราไม่มีสูตรสำเร็จ หนึ่ง สอง สาม แต่ต้องอยู่กับสภาวะของผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้า” การเยียวยาผู้ป่วยเป็นศิลปะที่อาศัยจิตใจที่เมตตา มีสติเปิดรับสถานการณ์ของผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า แล้วปฏิบัติให้ถูกต้องสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างเช่น พระสงฆ์รูปหนึ่งได้รับนิมนต์ให้ไปคุยกับผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า แต่เมื่อไปถึงเตียงกลับพบว่าผู้ป่วยมีท่าทีปฏิเสธพระ บอกว่าเหนื่อยและต้องการพักผ่อน พระท่านจึงตัดสินใจบอกผู้ป่วยว่า “โยมหลับตามสบายเลยนะ เดี๋ยวอาตมาจะอยู่เป็นเพื่อน” เมื่อพระรูปนั้นไปเยี่ยมครั้งที่สองก็ได้รับการตอบรับอย่างดี การตอบรับในครั้งที่สองเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ป่วยรู้สึกดีกับพระที่ไม่เทศน์สอนอย่างยัดเยียด แต่ให้การดูแลอย่างเป็นเพื่อน

ฟังอย่างใส่ใจ

หนึ่งในรูปธรรมของการอยู่กับปัจจุบันขณะกับผู้ป่วย คือการฟังอย่างใส่ใจ ไม่เพียงฟังสิ่งที่ผู้ป่วยพูด แต่ฟังจนได้ยินถึงความรู้สึก ความต้องการ คุณค่าที่ผู้ป่วยให้ความสำคัญที่อยู่ลึกลงไป ไม่รีบแก้ปัญหาแทนผู้ป่วยเร็วเกินไป การฟังอย่างใส่ใจจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า มีเพื่อนที่เข้าใจ ได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นติดค้าง บางครั้ง ผู้เล่าก็อาจพบทางออกของปัญหาขณะที่เล่า การฟังที่ใส่ใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ดูแลมีสติในการฟัง

สัมผัสอย่างมีสติ

การสัมผัสอย่างมีสติ ใส่ใจลงในการจับมือ นวดมือ นวดเท้า คลึงหว่างคิ้ว สัมผัสท้องอย่างอ่อนโยน ใส่ใจ จะช่วยให้การสัมผัสนั้นอบอุ่น ชัดเจน และยังมีพลังในการนำผู้ป่วยให้ออกจากความคิดปรุงแต่งมาอยู่กับสัมผัสที่เป็นปัจจุบัน การสัมผัสอย่างใส่ใจยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับผู้ดูแล บางครั้งก็ช่วยลดความเจ็บปวดทรมาน ผู้ป่วยเด็กระยะท้ายคนหนึ่งมีความปวด เขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการจับมือจากพยาบาลที่ไว้วางใจ สัมผัสได้ครึ่งชั่วโมงความปวดก็บรรเทาลง และบอกให้พยาบาลไปทำงานต่อ

การน้อมนำให้ผู้ป่วยมีสติ อยู่ร่วมกับความเจ็บป่วย

ความทุกข์ใจมักเกิดจากความคิดปรุงแต่ง เสียดายหรือโกรธแค้นกับอดีต กังวลกับอนาคต จิตใจที่ฟุ้งซ่านดังกล่าวมักทวีความเจ็บปวดทรมาน ผู้ดูแลสามารถน้อมนำผู้ป่วยให้ออกจากความคิดปรุงแต่งดังกล่าวด้วยการสร้าง “เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ” ให้จิตได้มีเครื่องเกาะเกี่ยวไม่หลุดลอยฟุ้งซ่านไปยังห้วงทุกข์

ผู้ดูแลอาจเชิญชวนผู้ป่วยให้เฝ้าดูลมหายใจ บริกรรรมพุทโธ หงายมือคว่ำมือ สวดมนต์ แผ่เมตตา บริกรรมบทภาวนา หรือแม้แต่การฟังเพลงที่ชอบเพื่อให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อจิตมีงานทำก็จะไม่ฟุ้งซ่านไหลไปกับอดีตหรืออนาคต ความทุกข์ใจย่อมลดลง ความปวดกายก็พลอยบรรเทาด้วย อย่างไรก็ตาม การน้อมนำผู้ป่วยด้วยเทคนิคต่างๆ ผู้ดูแลควรมีสติ มั่นใจ มั่นคงในการน้อมนำ และควรมีประสบการณ์รับอานิสงส์จากการนำเอาเทคนิคต่างๆ มาจัดการความทุกข์ของตนเองอยู่บ้าง

การดูแลเยียวยาจิตใจผู้ป่วยอย่างมีสตินั้นได้ให้อานิสงส์อย่างกว้างขวาง ไม่เพียงผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากผู้ดูแลเท่านั้น แต่ผู้ดูแลเองก็ได้รับการเยียวยาจากความกรุณาของตนเองด้วยเช่นกัน ผู้ดูแลยังได้ฝึกฝนการเจริญสติ ความสามารถที่จะอยู่กับปัจจุบันขณะ เท่าทันความคิดจิตใจของตนเอง ได้โอกาสพิจารณาความจริงของชีวิต การดูแลผู้ป่วยด้วยสติจึงมรรคาที่นำไปสู่ชีวิตที่สว่างของผู้ดูแล และการตายที่สงบของผู้ป่วย

[seed_social]
19 เมษายน, 2561

เคล็ดลับ จับหัวใจคนไข้

"วันนั้น พระอาจารย์จะไปยื่นหนังสือที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน แต่เมื่อตะโกนเรียกก็ไม่มีใครตอบ อาตมาเข้าไปในบ้านก็พบผู้ชายคนหนึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถามดูก็พบว่าเขาถูกรถชน รักษาก็ไม่หาย"
19 เมษายน, 2561

ชีวิตที่ต้องอยู่ตามลำพัง

สิ่งที่เรากลัวของคนในสังคมปัจจุบัน คือกลัวว่าจะต้องอยู่ตามลำพังมากกว่า เพราะห่วงว่า จะดูแลตนเองอย่างไรดี เจ็บป่วยจะทำอย่างไร ไม่มีรายได้มีแต่รายจ่าย ที่กลัวกว่านั้นลึกๆ คือความเหงา ไร้คุณค่า
4 เมษายน, 2561

หลักการที่จะช่วยให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้จากไปอย่างสงบทำอย่างไรได้บ้าง

ดีเจโจ้ (อัครพล ธนะวิทวิลาส) แม้ว่าร่างจะเหมือนกับตายแล้ว แต่คนที่ยังอยู่คือแฟนร้องไห้ บอกว่าอย่าเพิ่งไปนะ เขาจึงต้องทน จนกระทั่งแฟนบอกว่าไม่ต้องห่วงแล้ว เขาจึงจากไปด้วยดี เพราะสามารถปล่อยวางได้ ไม่ต้องห่วง