parallax background
 

แค่เสี้ยววินาที

ผู้เขียน / ภาพ: ธารธารา หมวด: ประสบการณ์ชีวิต


 

ไม่มีใครที่สมบูรณ์หรือมีดีร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม... บางคนโชคดีปนโชคร้าย บางคนเจอเรื่องร้ายแต่พลิกกลับมาเป็นเรื่องที่แสนสวยงาม ดังคำที่ว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”

ในวันที่ดำเนินชีวิตเรื่อยมาเหมือนปกติ ทำงานมาตลอด ไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องการวางรากฐานความมั่นคงในชีวิตใดใด เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำมาตลอดตอบโจทย์ให้ชีวิตมากที่สุดแล้ว นั่นคือ “ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก” ทุ่มทุกอย่างลงไปกับการทำงาน ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกท้อ ไม่รู้ว่าวันหยุดคือวันอะไร แทบจะไม่ได้กลับไปเจอครอบครัวในช่วงแรกๆ ของการทำงาน อย่างที่เรียกกันว่า “เด็กใหม่ไฟแรงเว่อร์” หลังจากที่จบออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ถอดคราบการเป็นนักศึกษามาอยู่ในช่วงวัยทำงานแล้ว เข้างานตั้งแต่เช้า บางคืนดึกดื่นไม่กลับบ้าน บางวันอยู่ยันเช้า ไม่กลับห้องพัก ทำงานต่อเลย จนเวลาผ่านไป ยังทำงานอยู่บนความรัก ศรัทธาต่อเนื้องานและองค์ความรู้ต่างๆ ขององค์กร

จากที่เคยทำงานมาด้วยไม่เคยมีความคิดอยากได้สมบัติหรือทรัพย์สินที่พอจะเป็นรางวัลให้ชีวิต ด้วยวัยที่ยังพอมีกำลังในการสร้างเนื้อสร้างตัว บวกกับความคิดที่ว่าเราไม่อยากมีภาระหนี้สินอะไรมากมาย แต่ชีวิตก็หาความแน่นอนไม่ได้ เงินที่สะสมมาก็ต้องลดลงไปเรื่อยๆ ตามภาระหน้าที่ลูกที่ต้องทดแทนและชดใช้ภาระหนี้สินของบุพการี แต่ไม่เป็นไร เราต้องเดินทางกันไปอีกยาวไกล แค่นี้ไม่ทำให้เป้าหมายของการทำงานเปลี่ยน ยังคงคิดแบบนั้นอยู่

จนเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงวันที่ต้องนึกถึงอนาคตของตัวเองกับสิ่งที่อยากทำและมีความสุขกับอะไร มีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตระยะสั้นๆ ที่บ้านเกิด ได้พบเจอมิตรสหายเพื่อนรักที่เคยเรียนร่วมห้องกันมาทั้งมัธยมต้น-ปลาย และมหาวิทยาลัย เห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเพื่อนฝูงมากมายที่เติบโตและมีการเดินทางที่หลากหลาย บางคนมีครอบครัวที่น่ารัก บางคนมีคู่ที่สมหวังแต่ยังไม่แต่งงาน ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เกิดสะดุดกับคำถามของเพื่อนที่รักและเป็นห่วงในตัวเรา

ชีวิตที่ผ่านมา ทำงานมาตลอดแล้วได้อะไรบ้าง ได้แต่ความสุข แต่ไม่หันไปมองบั้นปลายชีวิตของคนที่อยู่ทางบ้านบ้าง ไม่มองเลยก็ไม่ใช่เรื่อง เราจึงได้ย้อนกลับมามองตัวเอง เรามีเป้าหมายอะไรให้กับตัวเองและคนที่เรารักบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดและเรื่องที่ถูกเสมอกับการที่เราจะเลือกเอาแต่ความสุขของตัวเองเป็นตัววัดและตัดสิน แต่มันคืออะไรในการทำงานที่ผ่านมา...

มีการทบทวนตัวเองเกิดขึ้น จากงานประจำที่ทำมาประมาณ 13 ปี ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฝันเอาไว้และไม่เคยละทิ้ง จนต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อล่าฝัน มาสู่การงานที่เรียกว่า “ฟรีแลนซ์” ในสายงานที่เราอยากรู้อยากเห็น เราสามารถเข้าไปอยู่ในวงการที่เราต้องการได้อย่างไม่ง่ายและไม่ยากเท่าไหร่ แต่มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ทั้งเพื่อนร่วมงาน ลักษณะการทำงาน วิธีการทำงาน วิธีคิด อุปนิสัยของบุคคลต่างๆ เริ่มจากศูนย์ยิ่งสนุก ไม่รู้ก็แค่ถาม ลองผิดลองถูกกันไป ปรับตัวเองให้เข้ากับคนที่ทำงานด้วยให้ได้มากที่สุด รู้สึกเหนื่อยมากๆ ในช่วงแรกที่เราไม่รู้อะไรเลย แต่ไม่เคยท้อ ก่อนที่จะกล้าและก้าวเปลี่ยน มีคนให้คำปรึกษาที่หลากหลาย แต่ก็เป็นเราเองที่ตัดสินใจก้าวไปใช้ชีวิตที่เลือก

จนเริ่มสะสมค่าแรงของตัวเองร่วมกับเงินที่มีอยู่ก่อนหน้าได้ก้อนหนึ่ง กับเป้าหมายที่เราจะอยากได้มากจริงๆ ที่ดินที่รอคอยมานานแสนนาน มีความฝันความคิดอยู่ในหัวมากมายกับที่ดินแปลงนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอนจากเจ้าของ ว่าจะขายที่ให้เราไหม จนปลายปีที่ผ่านมา เขาตอบตกลงและนัดหมายกันอย่างเรียบร้อยว่าจะมีการซื้อขายกันเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องที่ต้องเจรจากันมากมายหลายครั้ง จนในที่สุดความฝันใกล้จะเป็นจริงในอีกไม่กี่วัน เราเฝ้ารอมันมาตลอด วาดฝันจนเห็นภาพต่างๆ นานาในห้องความฝันของตัวเอง แต่แล้ววินาทีนั้นก็เกิดขึ้นอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน เจ้าของที่เปลี่ยนใจไม่ขายที่ดินให้เรา มันเหมือนมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาให้ห้องเราแล้วค่อยๆ ปิดสวิตซ์ไฟให้ห้องแห่งความฝันของเราลงจนมืดคาตา ทันทีที่เราได้รับคำตอบนั้น เราไม่รู้สึกอะไรเลย เรียกว่า “ชากันไปทั้งตัว” แต่ในใจคิดแค่ว่ามันยังไม่ใช่ของของเรา เมื่อไหร่ที่มันเป็นของเรา เดี๋ยวมันจะกลับมาหาเราเอง แต่พ่อแม่ผิดหวังในคำตอบ พ่วงด้วยเป็นห่วงความรู้สึกของเรา เรายังยืนยันในความคิด สักวันมันต้องเป็นของเรา เพื่อคลายความเป็นห่วงของพ่อแม่ที่มีต่อเรา เหตุการณ์นั้นผ่านไปแต่ยังรอการกลับมาของห้องแห่งความฝันนั้นอยู่เสมอ

ทำงานแบบฟรีแลนซ์มาสักระยะ ก็เริ่มมองหาความมั่นคง เพราะชีวิตฟรีแลนซ์ ก็อย่างที่ชื่อบอก “อิสระ” เสียจนบางทีเกิดความหวั่นไหวในใจลึกๆ จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ก็เริ่มมีคนติดต่องานมาหลากหลาย ทั้งที่ยืนยันแล้วและให้รออีกสักสัปดาห์จะให้คำตอบ ความหวังเริ่มมีและดีตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่ ผ่านไปสักระยะ จากที่ยืนยัน มีการติดต่อกลับมายกเลิกไปที่ละรายสองราย จากงานที่ว่าให้ทำแน่นอนก็ลดระยะเวลาลงไปเรื่อยๆ ทำให้เริ่มคิดหนัก เงินที่เคยสะสมไว้เพื่อรอคอยผืนดินที่ต้องการ ถูกเอาออกมาใช้แทนเงินที่ยังหาไม่ได้ เหมือนดวงไฟที่สว่างเบอร์แรงจ้าได้ถูกหรี่ลงมาถึงเบอร์น้อยที่สุดอีกครั้ง เริ่มมองไม่ค่อยเห็นภาพความหวังนั้นอีกแล้ว หมอกจางจางและควันมันลอยต่ำมากในระดับสายตาของเรา จนมองไม่ค่อยเห็นทางที่จะเดินไปข้างหน้า

จนวันหนึ่งได้เดินทางไปประชุมงานที่ยังเหลือเพียงหนึ่งงานเท่านั้น ในหัวครุ่นคิดมาตลอดทางที่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจนขึ้นสถานี เดินบนทางเท้าเพื่อไปยังจุดนัดหมาย ก็ผ่านผู้คนที่เดินสวนทางกันไปมาในระยะทางแคบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจใคร นอกจากของขายที่ตั้งวางเรียงรายกันด้านข้างทางเดิน เราซึ่งยังติดกับความคิดวนเวียนเรื่องยกเลิกการทำงาน เดินแบบไร้สติ จนได้ยินเสียงเสียงหนึ่งว่า “จะเดินลงไปรถไฟฟ้าได้ยังไง” เราไม่ได้มองคนคนนั้นแต่เดินผ่านไปแล้วหันกลับมา ถึงรู้ว่าเขาเป็นคนพิการทางสายตาที่ยืนอยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจ เราเดินย้อนกลับไปหาเขา แล้วสอบถามความต้องการของเขาว่าจะไปที่ไหนอย่างไร เขาเพียงต้องการเดินลงไปซื้อของที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาเคยมาซื้อบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ไม่สามารถลงไปได้เพราะไม่มีใครนำไป เราอาสาพาลงไปให้ถึงที่หมายไม่ได้ ได้แค่ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ในสถานี ระหว่างทางที่เดินไปด้วยกัน เราไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ ได้ยินแต่เสียงที่เขาพูดออกมาว่า ชีวิตนี้แสนเหนื่อย ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองไม่พอยังต้องหาเลี้ยงคนในครอบครัวอีกหลายคนในขณะที่เขามีร่างกายไม่สมประกอบ เหนื่อยร่างกาย เหนื่อยใจ จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เพียงแค่สิ้นเสียงนั้น ทำให้เราหันไปมองหน้าเขาทันที พร้อมกับคำปลอบโยนอย่างพื้นฐานง่ายๆ ว่าอย่าทำแบบนั้นเลยพี่ ชีวิตเราต้องเดินหน้าต่อไป เรายังมีความหวังอีกยาวไกล สิ้นสุดบันไดเลื่อนระยะยาวนั้น คลิกเลย ความคิดเรา เหมือนได้มองหน้าเขาสะท้อนตัวเองทันที ว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องต่อสู้กับความผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม คนที่เรามองว่าเขามีความเพียบพร้อม เขาอาจจะขาดอีกหลายสิ่ง คนที่ไม่สมบูรณ์ก็ยังมีเรื่องให้ต้องฟันฝ่ากันไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสักคนที่ไม่ต้องต่อสู้กับอะไร แม้แต่ใจตัวเอง เรื่องนี้อาจจะไม่หนักหนาสำหรับใครหลายๆ คน แต่ก็ไม่เบามากสำหรับอีกหนึ่งชีวิตบนโลกใบนี้

จากที่เดินไร้สติมาตลอดทาง ได้พาพี่เขาไปส่งถึงมือเจ้าหน้าที่พร้อมแจ้งรายละเอียดว่า เขาต้องการไปที่ไหน เราหันหน้าไปมองพี่คนนั้นและพูดคำว่า “ขอบคุณนะคะ” แทนที่เขาจะเป็นคนพูดขอบคุณเรา แล้วเดินกลับออกมาพร้อมรอยยิ้มและมีสติได้อย่างไม่คิดถึงเรื่องที่ปวดหัวมาทั้งวันเลย แค่นี้จริงๆ กับชีวิต แค่เสี้ยววินาทีของการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

[seed_social]
18 เมษายน, 2561

อุบัติเหตุ อุบัติธรรม

อริยสัจสี่เห็นเลยว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อย่างไร คือไม่ถึงกับว่าหลุดพ้น แต่อย่างน้อยเราเข้าใจกระบวนการเกิดทุกข์ เพียงแต่สติเรายังไม่มากพอที่จะชึบๆๆ ยังไม่คมพอ ปัญญาเรายังไม่เฉียบคมพอ ต้องลับไปเรื่อยๆ
13 มีนาคม, 2561

ตัวจากไป ใจยังรักษ์โลก

ประเพณีการฌาปนกิจศพของชาวไทยพุทธมีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย จากที่เคยเผากันกลางแจ้ง พัฒนามาสู่การเผาศพบนเมรุ และทุกวันนี้ เทคโนโลยีการฌาปนกิจก็ก้าวหน้าถึงขั้นใช้ระบบไฟฟ้า ไม่ต้องจุดไฟเผาเหมือนสมัยก่อน
18 เมษายน, 2561

แผ่เมตตา – จินตนาการ แปรพลังสู่การเยียวยา (๑)

เราสามารถบ่มเพาะความเมตตาให้เกิดขึ้นในใจได้ด้วยการแผ่เมตตาสม่ำเสมอหลังจากนั่งสมาธิ โดยใช้เวลาประมาณ ๕ - ๑๐ นาที อาจใช้บทสวดแผ่เมตตาทางศาสนาก็ได้ แต่ไม่ควรสวดแบบท่องตามไปเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่ซาบซึ้งกับความหมาย