
วิกฤตการณ์โควิด-19 ระบาดส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก รวมถึงวิธีการทำงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้สอดรับกับสถานการณ์ จากการสื่อสารที่เห็นหน้าค่าตากันมาสู่การทำกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ เช่นเดียวกับคุณกอเตย ปิญชาดา ผ่องนพคุณ และคุณโบลิ้ง นราวดี แผนสมัย ที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอาสาของตน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีผู้ติดเชื้อถึง 900 คนภายในวันเดียว ทำให้แผนงานเดิมที่จะทำชุมชนกรุณาร่วมกับผู้สูงอายุต้องชะงักลง และเปลี่ยนมาเป็น “ชุมชน ก.กรุณา” พื้นที่รับฟังเรื่องราวผ่านช่องทางออนไลน์แทน
กิจกรรมแรกของชุมชน ก.กรุณา คือ "21 วันพารุ้งมาพบใจ" ที่ดำเนินการมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว ใช้ต้นแบบจากชุมชนกรุณาขะไจ๋ ลำปาง ดำเนินงานผ่านกลุ่มปิดในเฟซบุ๊ก และสนทนาผ่านโปรแกรม Zoom เชื่อมโยงผู้สนใจหลากหลายมารวมกัน กิจกรรมหนึ่งคือ "เบาใจคาเฟ่" เป็นกิจกรรมที่คุณเตยต้องการใกล้ชิดกับผู้เข้าร่วม ไม่ต้องการสื่อสารทางเดียวผ่านการอ่านเรื่องราวที่ผู้เข้าร่วมเขียน กิจกรรมเบาใจคาเฟ่จะทำให้เห็นมิติอื่นๆ ของกันและกัน ลึกลงไปกว่าที่ผู้เข้าร่วมเขียนสะท้อนเรื่องราวในแต่ละวัน จากเดิมจะทำเพียงแค่การนัดพูดคุยถึงสิ่งที่ได้รับ แต่หลังจากกิจกรรมดำเนินผ่านไป 14 วัน มีการเปลี่ยนให้ผู้เข้าร่วมได้รู้จักกับไพ่ฤดูฝน ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้กับผู้ดูแล ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ แต่ปรับกระบวนการเล็กน้อยเพื่อนำใช้กับบุคคลทั่วไป ปรากฏว่าผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจบทบาทของผู้ดูแล ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ได้หมด เพราะในชีวิตจริง พวกเขาก็สวมบทบาทเหล่านี้อยู่ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาในระหว่างทำกิจกรรม
ช่วงท้ายของกิจกรรม เป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยและไว้วางใจซึ่งกันและกัน ให้ผู้เข้าร่วมแบ่งปันข้อมูลของตนเองต่อผู้เข้าร่วมอื่นๆ ด้วยการรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน และไม่แพร่กระจายออกไปภายนอกวง
การเปลี่ยนช่องทางการเรียนรู้ไพ่ฤดูฝนจากการเรียนรู้ตัวต่อตัวไปเป็นออนไลน์ สร้างความกังวลใจให้กับทีมงานของชุมชน ก.กรุณา 2 เรื่อง คือ ความกล้าที่จะแบ่งปันเรื่องราวและการรับฟังของผู้เข้าร่วม ทางทีมงานจึงทำข้อตกลงกับผู้เข้าร่วมก่อนเริ่มกิจกรรมว่า บทบาทของทุกคนคือเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง กลายเป็นว่าเมื่อทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ผู้เข้าร่วมสะท้อนว่า รู้สึกอบอุ่น ได้รับกำลังใจ เสมือนมีคนมาโอบกอดตนอยู่ การยอมรับข้อตกลงจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำกิจกรรม เพราะในขณะที่เราเยียวยาผู้อื่นด้วยการรับฟัง เราก็จะเยียวยาตัวเองไปด้วยเช่นกัน
ชุมชน ก.กรุณา มีทีมงาน 4 คน ใช้เวลาว่างหลังงานประจำมาเป็นจิตอาสา โดยแบ่งหน้าที่ตามความสามารถของแต่ละคน แม้ทีม ก.กรุณาจะสื่อสารผ่านทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แต่มีการดูแลใจคนในทีม ด้วยการพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอและตรงไปตรงมา ต่างรับฟังกันและกันบนพื้นฐานของเหตุผล ทำให้การทำงานราบรื่นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตาม การที่ทีมงานแต่ละคนมีงานประจำและยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการจัดกระบวนการเท่าใดนัก คุณกอเตยจึงทำงานกับผู้อื่นไปด้วย และมุ่งพัฒนาศักยภาพของทีมงานให้เป็นกระบวนกรชุมชนไปด้วย เพื่อช่วยแผ่ขยายความกรุณาไปยังชุมชนของแต่ละตน โดยการฝึกเป็นกระบวนกรไม่มีทักษะที่ตายตัว แต่ต้องมีใจรักและเปิดโอกาสให้ตนเองเข้าไปเรียนรู้ในหลายๆ มิติ เรียนรู้ผู้คน และสร้างแบบฉบับการเป็นกระบวนกรของตนเอง
ชุมชน ก.กรุณา มีแผนที่จะพัฒนาเฟซบุ๊ก ชุมชน ก.กรุณา (ลิงก์ https://www.facebook.com/KorKaruna/) เพื่อปรับรูปแบบของกิจกรรมให้กระชับ แต่เกิดวงพูดคุยในแต่ละสัปดาห์มากขึ้น และอาจเปลี่ยนกิจกรรมจากเบาใจคาเฟ่มาเป็นเบาใจปาร์ตี้ทางออนไลน์ เพื่อเติมเต็มกำลังใจให้กับหลายคนที่ไม่มีโอกาสมาพบเจอกันในสภาวการณ์ปัจจุบัน พร้อมๆ กับทำกิจกรรมดูแลคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชนพันท้ายนรสิงห์ต่อไป โดยมุ่งพัฒนาทีมงานให้เป็นกระบวนกร เพื่อให้ ก.กรุณา ดำเนินงานต่อไปได้ในระยะยาว
วันที่ออกอากาศ: 11 เมษายน 2564
ผู้เรียบเรียง: สุรพิน อยู่สว่าง