parallax background
 

คุณค่าจากฟันปลอม

ผู้เขียน:ฮูนายเมี้ยน หมวด: ประสบการณ์ชีวิต


 

จากประสบการณ์เมื่อครั้งไปหาหมอที่คลินิก ในขณะที่แม่ของเธอกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่นั้น คุณหมอหันมาถามเธอซึ่งขณะนั้นอายุ 7-8 ขวบว่า “หนูกินข้าวกลางวันหรือยัง” ในสายตาคนอื่นอาจจะดูเป็นคำถามธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ ณ ขณะนั้น เธอรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่เธอไม่ใช่คนไข้ แต่คุณหมอก็ยังใส่ใจไถ่ถาม ความรู้สึกประทับใจในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เธอตัดสินใจที่จะเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

ความใฝ่ฝันของเธอไม่ได้ไกลเกินเอื้อมนัก เพราะแม้ว่าเธออยู่ ม. 5 แต่ก็สามารถสอบเทียบในสายคณิต-วิทย์ได้ อีกทั้งคะแนนการเรียนของเธออยู่ในระดับดีพอที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง แต่แล้วแม่ของเธอกลับทักท้วงไม่อยากให้เธอเรียน แม่เป็นห่วงว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งมองว่าอาชีพแพทย์ทำงานไม่เป็นเวลา ต้องเข้าเวร และที่สำคัญ กลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายที่ต้องเดินทางดึกๆ ด้วยเหตุที่เธอมีความผูกพันกับแม่มาก เธอจึงคิดทบทวนอีกครั้งและตัดสินใจเลิกล้มการเข้าเรียนแพทย์ เพราะไม่อยากแลกกับความไม่สบายใจของแม่ อย่างไรก็ตามเธอยังอยากมีอาชีพที่เกี่ยวพันกับแพทย์และการช่วยเหลือผู้คนอยู่ จึงแก้ปัญหาด้วยการเลือกเรียนเป็นหมอฟัน โดยให้เหตุผลว่าหมอฟันทำงานตามเวลาปกติทั่วไป ไม่ต้องเข้าเวร แม่ของเธอจึงยินยอม

ในที่สุดเธอก็ได้เรียนคณะทันตแพทย์สมใจ แล้วใช้ทุนที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ก่อนที่จะเรียนต่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาทันตกรรมทั่วไป และกลับมาทำงานที่บ้านเกิดอยุธยา จนต่อมาได้รับทาบทามให้เป็นอาจารย์ที่คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

และแล้ววันหนึ่ง ขณะที่เธอทำงานอยู่ แม่ของเธอก็โทรมาบอกว่า "มาถอดฟันปลอมให้คุณยายหน่อยได้ไหมลูก ไม่มีใครถอดฟันปลอมให้คุณยายได้เลย" ทันทีที่ฟัง เธอรู้สึกอึ้ง ไม่รู้จะตอบแม่อย่างไรดี เพราะภารกิจที่วางไว้ก็เต็มตลอดทั้งวัน เธอตอบกลับไปว่า “หนูยังไม่รู้ว่าจะเข้าไปบางปะอินในวันนี้ได้ตอนไหน หนูยังไม่รับปากนะ ขอดูเวลาก่อนค่ะ”

คุณยายที่เธอรู้จักมาทั้งชีวิต เป็นคนสมถะเรียบง่าย และปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด คุณยายมักทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ ไม่เคยคิดจะพึ่งคนอื่น จนกระทั่งอายุ 92 ปี คุณยายมีอาการป่วยหนัก หมอไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าป่วยด้วยโรคใด เพราะคุณยายปฏิเสธการตรวจ และเลือกจะกลับมาพักอยู่ที่บ้านอย่างเด็ดเดี่ยว ด้วยความเจ็บป่วยและเรี่ยวแรงที่ถดถอยลง ทำให้คุณยายจำยอมให้ลูกหลานดูแลในช่วงวาระสุดท้ายที่บ้าน และเวลานี้ฟันปลอมเป็นเสมือนสิ่ง "เกินจำเป็น" สำหรับคุณยาย เพราะกินอาหารไม่ได้แล้ว

หลังจากวางสายโทรศัพท์จากแม่ เธอเกิดคำถามกับตัวเองว่า เธอต้องขับรถไปกลับกรุงเทพฯ-บางปะอินเพียงเพื่อ "ถอดฟันปลอม" ให้ยายอย่างนั้นหรือ ทำไมน้าๆ กับแม่ถึงทำเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นบ้านอื่นที่ไม่มีหมอฟันอยู่ในบ้าน ทำไมเขาพยายามทำกันได้

เธอเคยถอดฟันปลอมให้กับผู้คนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่หน เธอรู้ดีว่าการถอดฟันปลอมมันง่ายมากๆ โดยเฉพาะที่เป็นฟันปลอมทั้งปาก ไม่มีฟันแท้เหลืออยู่เลย เพราะไม่มีตะขอลวดที่จะเกี่ยวปากเวลาถอด เสียงในหัวของเธอดังก้องด้วยความคิดเปรียบเทียบกับความคุ้มค่าของเวลาที่มีจำกัด

เธอครุ่นคิดกับตนเองต่อไปว่า “ในเมื่อมันง่ายสำหรับเธอขนาดนี้ ทำไมถึงยากที่เธอจะทำ”

การถอดฟันปลอมจากปากยายเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ที่ยากเป็นเพราะ "ใจ" ของเธอเองต่างหาก เธอเห็นตัวเองต้องขับรถไปกลับบางปะอิน-กรุงเทพฯ เพื่อไปถอดฟันปลอมด้วยมือของหมอฟันที่เรียนมา 9 ปี แต่เมื่อเธอมองพ้นไปจากตัวเอง พ้นไปจากสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่จับต้องได้ เธอจึงมองเห็น "คุณค่าและความหมาย" ได้เห็นความรักความห่วงใยที่แม่และน้ามีให้ยาย ได้เห็นยายที่กำลังเตรียมกายและใจก่อนออกเดินทางในวาระสุดท้ายของชีวิต ได้เห็นตนเองที่สามารถเอื้อเฟื้อต่อแม่ น้า และยาย ให้ทุกคนได้สบายกายและสบายใจกับเรื่องที่ติดข้อง

เธอตัดสินใจขับรถขึ้นทางด่วนวงแหวนรอบนอกไปบางปะอิน การเดินทางไม่นานอย่างที่คิด เธอขับรถด้วยใจที่เบิกบาน เต็มใจอย่างยิ่งที่จะไปทำหน้าที่ของลูกของหลาน เมื่อเธอไปถึง ยายนอนเหยียดอยู่กลางบ้าน ร่างกายผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก การได้เห็นคุณยายนอนอย่างสงบ ยอมรับธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมั่นคง ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดข้อง พาให้ใจของเธอสงบตามไปด้วย เธอก้มลงกราบยายด้วยหัวใจ พร้อมขออนุญาตทำหน้าที่ที่มีเกียรติยิ่งสำหรับเธอ ณ ขณะนี้

"หนูขออนุญาตถอดฟันปลอมออกจากปากคุณยายนะคะ คุณยายจะได้สบายปาก"

ลูกๆ ของคุณยายต่างพากันมานั่งลุ้นภารกิจนี้ สิ่งที่ทุกคนได้พยายามแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ เธอค่อยๆ เอานิ้วยกริมฝีปากคุณยายเล็กน้อยอย่างเบามือที่สุด และหยิบฟันปลอมออกจากปากคุณยายทีละชิ้นด้วยความนุ่มนวล เสี้ยวนาทีที่เธอค่อยๆ หยิบฟันปลอมเคลื่อนออกมาจากปาก พลันน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาคลอตาด้วยความตื้นตันใจ เธอตระหนักได้ว่าทั้งหมดที่เธอเรียนหมอฟันมาก็เพื่อนาทีนี้ และภารกิจนี้ต้องเป็นของเธอเท่านั้น

เสี้ยวนาทีอันพิเศษนี้ ทำให้เธอเรียนรู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมา เธอมักมองหาและฝึกฝนทำสิ่งที่ยากขึ้น สิ่งที่ยังทำไม่ได้ เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นและภาคภูมิใจมากขึ้น แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ได้ไม่นาน แล้วก็จะมีเรื่องที่ “ยากกว่า” ให้พยายามใหม่อยู่เสมอ แต่การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นขณะถอดฟันปลอมให้คุณยายในวันนั้น ทำให้เธอเห็นการทำสิ่งง่ายๆ ด้วยหัวใจที่เรียบง่าย ธรรมดา เป็นธรรมชาติ แต่กลับทำให้สุขใจและมีพลังอย่างมหาศาล

เธอรู้สึกขอบคุณคุณยายที่ให้บทเรียนอันล้ำค่ากับชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอ ให้เธอได้สัมผัสถึงคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง


ขอขอบคุณเรื่องราวจาก อ.ทพญ. นัยนา บูรณชาติ
อาจารย์ทันตแพทย์สาขาทันตกรรมทั่วไป
ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

[seed_social]
28 พฤศจิกายน, 2560

ชีวิตที่ต้องอยู่ตามลำพัง

สิ่งที่เรากลัวของคนในสังคมปัจจุบัน คือกลัวว่าจะต้องอยู่ตามลำพังมากกว่า เพราะห่วงว่า จะดูแลตนเองอย่างไรดี เจ็บป่วยจะทำอย่างไร ไม่มีรายได้มีแต่รายจ่าย ที่กลัวกว่านั้นลึกๆ คือความเหงา ไร้คุณค่า
19 เมษายน, 2561

ตำราเล่มใหญ่คือคนไข้

“พี่ทำงานแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่มีการสั่งการ” ระยะเวลายาวนานที่พี่เกื้อ หรือคุณเกื้อจิตร แขรัมย์ ทำงานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ทำให้ได้พบคนไข้และญาติจำนวนมากซึ่งมีความต้องการต่างกัน
20 เมษายน, 2561

ปันรักให้สัตว์โลก

เชื่อว่าทุกคนคงต้องการความรักความใส่ใจจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะมาจากคนที่อยู่แวดล้อมเรา หรือจากสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ สัตว์เองก็มีความต้องการความรักไม่ต่างจากเราเช่นกัน ไม่ว่าจะจากคนที่เลี้ยง หรือสัตว์ด้วยกันเอง