บทภาวนาทองเลน
จากหนังสือ เผชิญความตายอย่างสงบ เล่ม 1 แนวคิดและกระบวนการเรียนรู้
โดย: พระไพศาล วิสาโล
หมวด: ชุมชนกรุณา
บทภาวนาทองเลน เป็นการภาวนาอย่างหนึ่งของพุทธทางทิเบต ทองเลนเป็นการรับและให้ โดยรับเอาความทุกข์ของผู้ที่เรารัก หรือคนไข้มาไว้ในตัวเรา ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสุขแก่เขา
อยู่ในท่าทั่งที่เป็นสมาธิ น้อมใจของตนสู่ความสงบ
รับรู้ลมหายใจเข้า เอาความสดชื่นมาให้เรา
รับรู้ลมหายใจออก พาความหม่นหมองออกไปจากใจเรา
เพื่อเปิดรับความทุกข์และแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้ที่เรารัก ขอให้นึกถึงพระพุทธองค์ หรือพระโพธิสัตว์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่
ขอให้พระองค์ทรงบันดาลใจให้เมตตากรุณาในใจเราได้เบ่งบาน เพื่อที่เราจะพร้อมแบ่งเบาความทุกข์ของสรรพชีวิตโดยไม่ผลักไส
บัดนี้ ขอให้นึกเห็นภาพของคนไข้ที่กำลังนอนบนเตียงเบื้องหน้าเรา รับรู้ถึงความทุกข์ ความเจ็บปวด ตลอดจนความกลัว ความวิตกกังวล ความหม่นหมองที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา
ทอดสายตาไปที่ร่างกายของเขา เริ่มจากศรีษะลงมาที่หน้าอก ลำตัว จนถึงขาและเท้าของเขา
บัดนี้ ขอให้เราเปิดใจพร้อมรับเอาความทุกข์ความเจ็บปวดของเขา
ทีนี้ ให้จินตนาการว่าความทุกข์ยากทั้งมวลของเขาผนึกรวมกันเป็นกลุ่มควันสีคล้ำ สกปรก และร้อนผ่าว ผุดขึ้นมาจากร่างกายของเขา เกาะกลุ่มกันเป็นสายเคลื่อนตัวมาที่ตัวเรา
หายใจเข้า ขอให้น้อมรับเอากลุ่มควันแห่งความทุกข์มาไว้ที่กลางใจโดยไม่ผลักไส
กลุ่มควันสีดำได้เข้ามาสู่กลางใจ และทำลายความหลงใหลในตัวตนทีละน้อยๆ เป็นการชำระล้างอกุศลกรรมทุกอย่างออกไปจากใจคุณ
ความหลงใหลยึดติดในตัวตนมลายหายไป บัดนี้โพธิจิตที่เคยถูกห่อหุ้ม ได้เปิดเผยอย่างสมบูรณ์ เปล่งประกายสว่างไสว และเปลี่ยนกลุ่มควันสีดำให้กลายเป็นลำแสงแห่งความสุข ความมีชีวิตชีวา ความเบิกบาน
ขณะหายใจเข้า จินตนาการว่าคุณได้เปล่งรัศมีนวลใสแห่งความสุขและความปิติ แผ่ไปยังผู้ป่วยที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้า โอบคลุมร่างทั้งร่างของเขาไว้
หายใจเข้า รับเอากลุ่มควันสีดำมาไว้ที่กลางใจ
หายใจออก โพธิจิตอันสว่างไสว เปลี่ยนควันสีดำให้กลายเป็นรัศมีนวลใส กลับไปยังร่างผู้ป่วย นำความสุขและความมีชีวิตชีวาให้แก่เขา
ในจินตนาการ รัศมีนวลใสได้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย สัมผัสอณู ทุกเม็ดเลือด ทุกเซลในร่างกาย สมานแผลภายใน ขนัดเนื้อร้ายและสารพิษออกไปจากร่างกาย ขจัดปัดเป่าสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้อวัยวะต่างๆ ข้องขัด
ในเวลาเดียวกัน รัศมีนวลใสนั้นยังได้เยียวยาจิตใจเขาให้บรรเทาความเศร้าหมอง หวาดหวั่น กังวล และความทุกข์ทั้งมวล
เปรียบเสมือนแสงทิพย์ที่ชำระอกุศลทั้งมวลไปจากใจ เกิดความรู้สึกโปร่งเบา ผ่องแผ้ว แช่มชื่น
กลุ่มควันสีคล้ำค่อยๆ เจือจางลง
ส่วนรัศมีนวลใสยังคงแผ่ออกมาจากกลางใจอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มควันหายไปแล้ว
คงเหลือแต่ลำแสงสีขาวที่ยังเยียยาร่างกายและจิตใจของเขา
พลังชีวิตได้กลับคืนสู่คนไข้ขณะที่ลำแสงค่อยๆ หายไป ในจินตภาพ เราได้เห็นคนไข้มีกำลังวังชาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้ามีน้ำมีนวล ผิวพรรณผ่องใส
บรรยากาศในห้องที่หม่นหมอง เริ่มสว่างไสว
เขายิ้มแย้มและรู้สึกแช่มชื่นเบิกบาน
. . . . . .