โดย: GARUDA หมวด: ชุมชนกรุณา
จากมุมมองทางการแพทย์ ความตายคือความล้มเหลวทางการรักษา และหน้าที่แพทย์ได้สิ้นสุดลงเมื่อผู้ป่วยหมดทางรักษา กล่าวคือ การสื่อสารเพื่อการดูแลทางร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยและญาติที่กำลังจะเผชิญความสูญเสีย ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ในกรอบความรู้และวิธีการรักษาทางการแพทย์ตั้งแต่ต้น หนังสือล้อมวงสนทนา: ศิลปะการสื่อสารสำหรับบุคลากรสุขภาพเพื่อการดูแลผู้ป่วยและญาติระยะสุดท้าย ของผู้แต่ง นพ.โรจนศักดิ์ ทองคำเจริญ ของสำนักพิมพ์ Peaceful Death ถือได้ว่าเป็นหนังสือสำคัญเล่มหนึ่งที่แพทย์เริ่มให้ความสนใจกับการสื่อสารเพื่อดูแลร่างกายและจิตใจผู้ป่วยและญาติในระยะสุดท้าย ผู้เขียนได้รวบรวมหลักแนวคิดทางวิชาการการดูแลแบบประคับประคอง พร้อมยกกรณีตัวอย่างจากประสบการณ์จริงที่ช่วยให้เห็นแนวทาง การสื่อสารกับดูแลผู้ป่วยและญาติช่วงระยะสุดท้ายแบบประคับประคองว่ามีวิธีการและควรเป็นอย่างไร
ในช่วงแรก ผู้เขียนอธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมของจิตใจผู้ป่วยและครอบครัวหลังได้รับข่าวร้ายว่าอาการป่วยไม่อาจรักษาหายได้ โดยนำแนวคิดของ Elizabeth Kubler Ross ที่เสนอว่า ลำดับขั้นตอนการตอบสนองต่อการสูญเสีย มี 5 ขั้น คือ
ถึงแม้ว่าในสถาณการณ์จริงผู้ป่วยหลังทราบข่าวร้ายอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ได้เป็นไปตามลำดับขั้นข้างต้นนี้เสมอไป และใช่ว่าทุกคนทั้งผู้ป่วยและญาติจะสามารถปรับตัวกับข่าวร้ายได้ ยิ่งหากไม่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองที่ดีแต่เริ่มแล้วจะมีความทุกข์ทั้งกายและใจ ขณะที่ผู้ป่วยโดยเฉพาะในกลุ่มโรคมะเร็งรู้สึกว่าตนเป็นภาระของครอบครัว ซึมเศร้า รู้สึกผิด รู้สึกไม่มีคุณค่า และรู้สึกหมดศรัทธาต่อสิ่งยึดเหนี่ยว อีกด้านหนึ่งคือญาติผู้ป่วยก็มีโอกาสเศร้าโศกผิดปกติ (Complicated Grief: GC) หลังผู้ป่วยเสียชีวิตได้เช่นกัน โดยผู้เขียนนำแนวคิดของ Bonnano G. และคณะ ที่อธิบายถึง 5 รูปแบบการตอบสนองต่อความโศกเศร้าของกลุ่มผู้สูญเสีย ได้แก่
ข้อสรุปจากข้อค้นพบรูปแบบทั้ง 5 กลุ่มนี้แย้งกับความเชื่อเดิมที่เชื่อว่า คนกลุ่มที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรจะพบบ่อย กลับน้อยกว่านั้นกลุ่มที่ 5 ที่มีความยืดหยุด ข้อค้นพบนี้นำมาสู่ข้อสมมุติฐานที่ว่า การสื่อสารที่ดีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและผู้สูญเสียมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้เกิดความร่วมมือในการรักษา มีการวางแผนดูแลล่วงหน้า และความยืดหยุ่นต่อการเผชิญหน้ากับช่วงสุดท้าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
ในการพัฒนาความรู้และทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติ ผู้เขียนเริ่มต้นด้วย การพํฒนาทักษะการฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน เพื่อรับฟังทั้งเนื้อหา ความรู้สึก และความต้องการของผู้ป่วย และทักษะการประเมินแบบ Ask-Tell-Ask ซึ่งเป็นทักษะผู้นำการวางแผนสุขภาพล่วงหน้าทำการสำรวจความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวต้องการผ่านคำถามและตอบได้อย่างถูกจังหวะ อย่างไรก็ตาม ทักษะการฟังและการถามตอบทั้งสองนี้ควรอยู่บนฐานของความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ที่เน้นการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้ป่วยและญาติ และความกรุณา (Compassion) ที่ผู้ฟังมีความปรารถนาดีและเปิดกว้างโดยไม่ตัดสินใดต่อทุกคำถามหรือปฏิกิริยาโต้ของของผู้ป่วยและญาติ
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังรวบรวมประสบการณ์การสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติสรุปแนวทางการสื่อสารเพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของโรคและช่วงจังหวะของการดูแลผู้ป่วย โดยจำแนกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
สำหรับช่วงแรก การแจ้งข่าวร้าย ผู้เขียนเสนอแนวทางการแจ้งข่าวร้ายที่เรียกว่า SPIKES ซึ่งมาจาก
ในระยะที่สอง การวางแผนดูแลล่วงหน้า เป็นกระบวนการสื่อสารระหว่างผู้ป่าย ครอบครัว และทีมสุขภาพ เพื่อวางแผนการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม การสื่อสารระยะนี้จะช่วยกำหนดเป้าหมายของการดูแล ค้นหาทางเลือกในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันโดยมีผู้ป่วยและครอบครัวเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจและทีมสุขภาพเป็นผู้ให้ข้อมูล ทั้งนี้จังหวะที่เหมาะสมต่อการสื่อสารเรื่องการวางแผนดูแลล่วงหน้าควรทำตั้งแต่ผู้ป่วยยังมีความสามารถในการตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการพิจารณาช่วงที่คนไข้มีอาการทรุดหนัก คนไข้ไม่ตอบสนองการรักษา คนไข้ต้องการสั่งเสีย หรือเมื่อครอบครัวถามถึงทางเลือกในการรักษา เป็นต้น ระยะที่สาม การสื่อสารในช่วงติดตามอาการ ผู้เขียนใช้เทคนิคที่เรียกว่า BATHE technique ประกอบด้วย
ช่วงสุดท้ายของหนังสือผู้เขียนให้คำแนะนำในการดูแลภาวะเศร้าโศกของญาติ ที่ผู้สูญเสียจะแสดงปฏิกิริยาผ่านอารมณ์ พฤติกรรม ทัศนคติ ผลกระทบทางสรีรวิทยา การเจ็บป่วย หรือการใช้ยาเสพติด ทั้งนี้แนวทางการดูแลผู้สูญเสียในบริบทสังคมวัฒนธรรมไทยสำหรับทีมสุขภาพ ผู้เขียนเสนอไว้ 5 ระยะดังนี้
หนังสือ “ล้อมวงสนทนา: ศิลปะการสื่อสารสำหรับบุคลากรสุขภาพเพื่อการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายและญาติ” นอกเหนือจากให้มุมมองทางทฤษฏีที่อ้างอิงหลักวิชาการแล้ว ยังได้เสนอทักษะและวิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติที่เน้นการตระหนักถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ และมอบความปรารถนาดีต่อผู้ป่วยและญาติที่กำลังประสบกับช่วงวิกฤตของชีวิต นอกจากนี้ ตัวอย่างที่ผู้เขียนหยิบยกจากประสบการณ์จริงให้ความเข้าใจเกี่ยวกับการฟังอย่างลึกซึ้ง การไม่ตัดสิน และความกรุณา ที่ช่วยให้ผู้ป่วยและผู้สูญเสียได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ดี แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการสื่อสารในวิชาชีพการแพทย์และสาธารณสุขได้อย่างดี
บุคคลสำคัญ นพ.โรจนศักดิ์ ทองคำเจริญ, Elizabeth Kubler Ross, Bonnano G.