![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/Feature-30.png)
วาเลนไทน์ที่ผ่านมา Peaceful Death ได้จัดกิจกรรม “วันเบาใจ” ร่วมกับโรงพยาบาลพุทธชินราช จ. พิษณุโลก งานวันเบาใจปีนี้ นับเป็นปีที่สาม แต่ละปีจะมีชื่อตอนที่แตกต่างกัน เช่น ปีแรกเสนอเรื่องการดูแลแบบประคับประคอง ปีที่สองเสนอตอน 'เพราะรักจึงบอก' และปีนี้เสนอตอน 'กรุณา...รักษาใจ' จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 15 กุมภาพันธ์ 2563
แนวคิดหลักของปีนี้คือ การนำเสนอแนวคิดและปฏิบัติการ "ชุมชนกรุณา" ให้ขยายตัวออกจากงานทางคลินิกและการให้บริการในโรงพยาบาล ไปสู่ชุมชนและสังคม
ด้วยเหตุนี้ รูปแบบของงานวันเบาใจจึงเปลี่ยนจากเวทีเสวนาวิชาการ
สู่การนำเสนอตัวอย่างการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในชุมชน และบริเวณรอบงาน จัดให้มีลักษณะเป็นแนวราบ มีสีสัน สร้างบรรยากาศที่ทำให้ผู้คนพูดคุยเชื่อมโยงกันมากขึ้น เช่น โต๊ะสนทนาเรื่องประสบการณ์ดูแลผ่านไพ่ฤดูฝน โต๊ะญี่ปุ่นเปิดไพ่ดูใจเพื่อการโค้ชการตัดสินใจครั้งสำคัญของบุคลากรสุขภาพ โต๊ะศิลปะรำลึกและดูแลความสูญเสีย รวมถึงชิ้นงานศิลปะที่กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงานได้มองเห็นและสัมผัสความปรารถนาดีหรือความกรุณา ทั้งภายในตนเอง และความกรุณาที่ผู้คนรอบข้างหยิบยื่นให้ชุมชนกรุณาห้วยยอดโมเดล
เนื้อหาบนเวทีชุมชนกรุณา พูดถึงรูปแบบการทำงานชุมชนกรุณา หรือการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในชุมชนที่หลากหลาย ดังเช่น พระกฤษดา ขนฺติกโร แห่งชมรมชายผ้าเหลือง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ท่านเน้นย้ำว่า การสร้างการมีส่วนร่วมของหลายภาคส่วน ต้องเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นเงื่อนไขประการแรกและประการสำคัญของการทำงานชุมชนกรุณา เมื่อท่านต้องการทำงานเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล พระกฤษฎาก็ขอโอกาสแนะนำตัว แจ้งเจตนาในการช่วยเหลือและการเยี่ยมผู้ป่วยของโรงพยาบาล โดยอาศัย
![3.พระจิตร์](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2020/02/3.พระจิตร์.jpeg)
ความสะดวกของโรงพยาบาลเป็นที่ตั้ง ท่านให้ทีมนำอาหารจากการบิณฑบาตมาให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกวัน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน เมื่อความสัมพันธ์ต่อกันตั้งมั่นดีแล้ว ความร่วมมือในระดับที่ใหญ่ขึ้นก็เป็นไปได้
การทำงานของท่านเน้นความโปร่งใสในการทำงาน เช่นในฐานะพระสงฆ์ ท่านรับบริจาคเพียงสิ่งของเพื่อส่งมอบต่อให้โรงพยาบาลหรือครอบครัวผู้ป่วย ความโปร่งใส เชื่อใจได้ ทำให้ทีมงานได้รับความน่าเชื่อถือ ดึงดูดจิตอาสาและผู้มีศรัทธาเข้ามาร่วมงานได้มากขึ้น การผลักดันกิจกรรมอื่นๆ ที่ส่งเสริมชุมชนกรุณาก็ทำได้มากขึ้นตามไปด้วย
ทีมงานสร้างสุขที่ปลายทาง จ.กาฬสินธุ์
ทีมงานจิตอาสาและเจ้าหน้าที่เทศบาลเมือง จ.กาฬสินธุ์ เข้าร่วมงานและร่วมเป็นวิทยากรในหลายประเด็น ทีมนี้เริ่มต้นจากงานอาสาสมัครเยาวชน อาสาช่วยเหลืออุบัติภัย อาสาช่วยเหลือจัดงานศพผู้ป่วยไร้ญาติ การเริ่มงานอาสาใหม่ๆ เกิดจากการมองเห็นความทุกข์และไม่นิ่งดูดายที่จะให้ความช่วยเหลือ งานอาสาใหม่ๆ มักเกิดจากการให้ความช่วยเหลือที่ทำได้ง่ายและทำได้เลย
เมื่อเครือข่ายชุมชนกรุณาได้ยินการทำงานของกลุ่มจุติสุขาวดี ซึ่งกำลังต้องการขยายงานอาสาจากการสงเคราะห์งานศพผู้เสียชีวิตไร้ญาติ สู่การให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ผู้ป่วยยังมีชีวิต เครือข่าย ฯ จึงได้สนับสนุนการอบรมแนวทางการเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้เกิด “กลุ่มอาสาสร้างสุขที่ปลายทาง” ขึ้น โดยทีมงานได้เยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและระยะท้ายร่วมกับโรงพยาบาล และพระสงฆ์ ในกระบวนการเยี่ยมยังมีการเตรียมและการสะท้อนบทเรียนในแต่ละครั้ง ทำให้การเยี่ยมดูแลครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ทีมงานก็ได้สัมผัสถึงความสุขอันลึกล้ำจากความกรุณาที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนจากการทำงานนี้
ก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย สู่พื้นที่แห่งกรุณา
ขณะที่โรงพยาบาลน่าน พญ.วาลิกา รัตนจันทร์ กล่าวถึงระบบสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อการดูแลผู้ป่วยระยะยาวที่บ้านว่า เป็นรูปธรรมหนึ่งของการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลและชุมชน ดังเช่น การเกิดขึ้นของแบรนด์คิดดีโปรเจกต์ ผลิตภัณฑ์กระเป๋าถือจากถุงน้ำเกลือ ของโรงพยาบาลน่าน
โครงการนี้เริ่มจากการมองเห็นปัญหาขยะของผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน ทำให้บุคลากรทุกภาคส่วนต้องพัฒนาแนวทางลดขยะในโรงพยาบาล ขยะที่มีมากประเภทหนึ่งคือถุงน้ำเกลือ ซึ่งผลิตจากพลาสติกเกรดดี แข็งแรงทนทาน แต่กลับต้องทิ้งเป็นขยะอย่างน่าเสียดาย การสังเกตและหารือปัญหานี้กับนักออกแบบ ทำให้เกิดโครงการพัฒนากระเป๋าผ้ารีไซเคิลถุงน้ำเกลือ สามารถขายกระเป๋าได้ในราคาสูง รายได้ที่เกิดขึ้นโรงพยาบาลนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยระยะยาวที่บ้าน เช่น เตียง ถังออกซิเจน และอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ที่ผ่าน จากงานวิสาหกิจเพื่อสังคมดังกล่าว
กรุณาผู้อื่น อย่าลืมกรุณาตนเอง
เวทีเสวนา "เยียวยารักษาใจ" และ "วิชาใจ" ของพระจิตร์ จิตตสังวโร และคณะจิตอาสา ยังพูดถึงการดูแลความทุกข์ ความสูญเสีย ทั้งจากการทำงานงานดูแล รวมทั้งประสบการณ์การรับรู้ความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมกราดยิงที่โคราช พระจิตร์ให้คำแนะนำที่จะยอมรับความจริงว่าความทุกข์ ความป่วย ความสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนี้เป็นธรรมดาของชีวิต ไม่ควรที่จะผลักไสปฏิเสธ เพราะการไม่ยอมรับและปฏิเสธความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งเสริมความบีบคั้นให้มีมากขึ้น
![3.พระจิตร์](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2020/02/3.พระจิตร์.jpeg)
ควรที่จะ "กลับมาเริ่มต้นที่ศูนย์" ด้วยการกลับมารู้สึกตัว เช่น กลับมารับรู้ลมหายใจ รับรู้การเคลื่อนไหว กลับมาตั้งหลักใหม่ที่สติ ด้วยวิธีนี้ จะตัดวงจรแห่งการคิดอันก่อให้เกิดทุกข์ แล้วจึงตัดสินใจกระทำการด้วยใจที่นิ่ง สงบ ไม่หวั่นไหว ควรที่จะ "ไฟในไม่นำออก" กล่าวคือ เมื่อมีเสียงบ่นพร่ำ ความไม่พอใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราไม่ควรที่จะโหมกระพือความโกรธด้วยการเป็นผู้โกรธ เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ได้แต่เพิ่มผู้โกรธอีกคนบนโลกใบนี้ ขณะเดียวกัน "ไฟนอกไม่นำเข้า" กล่าวคือ เราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางปัญหาที่เป็นของคนอื่นไว้ที่เขาคนนั้น ไม่ด่วนนำปัญหาที่มิใช่ของเราเข้ามาในใจ ผู้คนมีกรรมเป็นของตน ที่กล่าวเช่นนี้มิใช่การสนับสนุนให้วางเฉยหรือใจดำ แต่เพราะการรักษาใจให้มีความมั่นคง มีสันติ ปราศจากความโกรธแค้นเท่านั้น จึงจะช่วยให้เราดำรงสติปัญญา และอยู่ในฐานะที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้
บทบาทของศิลปะในงานประชุมวิชาการ "วันเบาใจ"
ศิลปะมีบทบาทอย่างมากที่จะส่งผ่านความรู้สึกดีต่อการทำงานชุมชนกรุณา รวมทั้งสร้างบรรยากาศต่อการใคร่ครวญความสูญเสีย
ดังเช่น กิจกรรมร้องเพลงเล่านิทานของกลุ่มคิดแจ่ม ครูเบิร์ดได้นำนิทานเรื่อง "การเดินทางของส่วนที่หายไป" ของ เชล ซิลเวอร์สไตน์ มาเล่าผ่านบทเพลงและหุ่นเชิดที่ทำจากกล่องอะไหล่ฟอกอากาศ นิทานพูดถึงการเดินทางของวงกลมที่ตามหาชิ้นส่วนสามเหลี่ยมที่หายไป และพูดถึงการเดินทางของเจ้าสามเหลี่ยมที่ต้องการตามหาวงกลมที่เหมาะสม ชิ้นส่วนทั้งสองพูดถึง 'ความขาดหาย' ซึ่งแม้เป็นสภาวะที่ไม่น่าพึงใจ แต่ความขาดหายก็มีหน้าที่ของมัน ส่วน "การเติมเต็ม' นั้น แม้เป็นเป็นสภาวะที่น่ายินดี แต่บางครั้งการเติมเต็มก็กลับเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ชีวิตยุ่งยากและต้องพึ่งพาหาอะไรมาเติม จนลืมนึกไปว่าชีวิตนั้นอาจไม่ต้องเต็มก็ได้
![4.นิทาน](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2020/02/4.นิทาน.jpeg)
ยังมีนิทาน "แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ" อีกเรื่องที่กลุ่มคิดแจ่มนำมาเล่า ชวนให้ใคร่ครวญความสูญเสีย ความรัก และการปล่อยวาง ผ่านนิทานเพลงอันไพเราะ นิทานเรื่องนี้มีความหม่นเศร้า ทว่าก็น่ารักและงดงาม ยากที่จะสะท้อนออกมาเป็นข้อคิดคำพูดที่ชัดเจน แต่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและมุมมองต่อชีวิตและความตาย
![5ต้นไม้](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2020/02/5ต้นไม้.jpeg)
อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจภายในงานคือ "ต้นไม้แห่งความสูญเสีย" ทีมจัดงานได้นำกิ่งไม้แห้งและอุปกรณ์ศิลปะมาเตรียมไว้ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้เขียนข้อความ กวี หรือสร้างผลงานศิลปะเพื่อรำลึกถึงผู้จากไป เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกภายใน หวนรำลึก ไว้อาลัย การขอบคุณ และความโศกเศร้าสูญเสีย เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสว่าทุกคนต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย และต่างมีศักยภาพที่จะเผชิญความสูญเสียด้วยกันทั้งสิ้น
วันเบาใจ ปีต่อไป
งานวันเบาใจ เกิดขึ้นได้จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริหาร บุคลากรโรงพยาบาล อาสาสมัครและตัวแทนจากภาคชุมชน ขอบคุณทีมจัดงานที่เปิดโอกาสให้ทาง Peaceful Death จัดกิจกรรมอบรมเขียนสมุดเบาใจ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้แสดงเจตนาเลือกวิธีการรักษาในช่วงท้ายของชีวิต และจัดกิจกรรม Care Club กิจกรรมดูแลใจผู้ดูแลผู้ป่วย ผ่านการสนทนาและศิลปะสร้างสรรค์
เราหวังว่าหลังจากนี้จะมีงานวันเบาใจ อันเป็นรูปธรรมของการร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเกิดขึ้นอีก เพราะจังหวัดใดที่เกิดกิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นได้ ย่อมรับประกันได้ว่า ชุมชนนั้นๆ มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้เกิดการดูแลกันและกันในชุมชน ไม่ว่าจะทั้งยามอยู่ ยามป่วย หรือยามจากกันก็ตาม
[seed_social]![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/Feature-30.png)
![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/Feature.png)
![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/03/feature-11.jpg)