

จะเป็นอย่างไรหากเราได้ลองทำความสะอาดศพ
ประเพณีโบราณในหลายวัฒนธรรมจะสนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการจัดการศพ เช่น การอาบน้ำศพ การเคลื่อนย้ายศพ เพราะการมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับความตาย จะช่วยให้คนรอบข้างคุ้นเคยกับความตายและการพลัดพราก สนับสนุนให้คนดำเนินชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท
แต่ในสังคมปัจจุบัน การมีส่วนร่วมทำความสะอาดร่างกายผู้เสียชีวิตเป็นไปได้ยากขึ้น ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะสังคมมีหน่วยงานที่ช่วยดูแลศพแทนครอบครัว เช่น เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในบริษัทรับจัดงานศพ หรือสัปเหร่อในวัดขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ คนสมัยใหม่จึงห่างเหินจากประสบการณ์เกี่ยวกับการตาย ความตายในมิติของความน่าเกลียด ไม่น่าดู น่าเปื่อย ถูกกลบทับด้วยการเครื่องประดับตกแต่งในงานศพจนสูญเสียความเป็นธรรมดา
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ความตายเป็นสิ่งแปลกแยกจากชีวิตประจำวัน การพูดคุยสนทนาเรื่องความตายกลายเป็นเรื่องยาก แม้จะเป็นไปเพื่อการวางแผนสุขภาพช่วงท้าย หรือแม้แต่การวางแผนจัดงานศพก็ตาม
นักจัดงานศพ และศิลปินจำนวนหนึ่งที่เรียกตนเองว่า The Order of the good death เห็นแนวโน้มของปรากฏการณ์เช่นนี้ จึงคิดทำโครงการหนึ่งที่น่าจะช่วยให้คนสมัยใหม่ได้มีประสบการณ์การจัดการและทำความสะอาดศพผ่านเกมคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า A Mortician's Tale (เรื่องเล่าจากสัปเหร่อ)

เกมนี้จะจำลองประสบการณ์ให้ผู้เล่นได้สมมุติตนเองเป็นพนักงานทำความสะอาดศพและจัดงานพิธีในบริษัทรับจัดงานศพแห่งหนึ่ง ทุกๆ วันจะมีจดหมายให้ผู้เล่นบริการทำความสะอาดศพของผู้ตายในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศพผู้ป่วยมะเร็ง ศพเด็ก ศพคนไร้บ้าน ศพผู้สูงอายุ ศพคนที่ไม่ปรารถนาใช้น้ำยารักษาสภาพ ฯลฯ
เกมจะเชื้อเชิญให้เรารู้จักวิธีทำความสะอาดในเบื้องต้น เช่น การเช็ดทำความสะอาดร่างกาย การปิดตา การใช้น้ำยารักษาสภาพ หรือแม้แต่การเผาศพและเก็บอัฐิ ทุกครั้งที่ทำความสะอาดศพ นับว่าเราได้มีประสบการณ์ใกล้ชิดกับความตายเข้าไปอีกขั้น
เกมจะเปิดเผยให้เราได้เห็นความตายในมุมที่ไม่น่าดู ในทางพุทธศาสนาเรียกว่าการเจริญอสุภะ (อ่านว่า อะ-สุ-ภะ แปลว่า ไม่น่าดู ไม่น่าชม ไม่สวยงาม มีอานิสงส์ช่วยลดความอยากในความสวยงาม)

ผู้จัดสร้างเกมประสงค์ให้ผู้เล่นมีทัศนคติที่ดีต่อการตาย เห็นว่าความตายเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมดาของชีวิต อย่างไรก็ตาม ด้วยกราฟฟิคของเกม ได้ช่วยลดทอนความน่าเกลียดน่ากลัวของสภาพศพให้อยู่ในระดับที่เด็กๆ เล่นได้
นอกเหนือจากการทำความสะอาดศพแล้ว ผู้เล่นยังจะได้ทดลองจัดงานศพแบบตะวันตก มีโอกาสสำรวจปฏิกิริยาของญาติและแขกที่มางานศพในแบบต่างๆ เราจะได้เรียนรู้ว่าผู้มางานศพมีเจตจำนงที่หลากหลาย และอยู่ในขั้นตอนของความโศกเศร้าที่แตกต่างกัน บางคนอยู่ในขั้นปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง บางคนโศกเศร้าอาดูร บางคนยอมรับได้ และแขกบางคนก็เพียงผ่านมาเพื่อจิบไวน์สักแก้วเท่านั้น
นอกเหนือจากการจัดการศพแล้ว ผู้เล่นยังได้สมมุติตนเองเป็นพนักงานในบริษัทรับจัดงานศพขนาดเล็ก และพยายามเอาตัวรอดในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้จะดีนัก
การที่ผู้เล่นได้สมมุติบทบาทตนเองให้เป็นผู้ใกล้ชิดกับความตาย แม้ในโลกจำลอง แต่ชั่วขณะหนึ่งเราตระหนักว่า มีความเป็นไปได้ที่เราจะเชื่อมโยงกับความตายด้วยความรู้สึกที่เป็นปกติ เป็นกลาง และเป็นธรรมดา เมื่อนั้นความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามน่าหลงใหลเช่นกัน



