

บรรยากาศร่มรื่น ท่ามกลางแมกไม้เขียวชะอุ่ม ‘ในสวนขวัญ’ สถานที่สงบเงียบราวกับบทกวีที่งดงาม ที่นั้นมีเจ้าบ้านชื่อ อาจารย์บุญเสริม แก้วพรหม สุภาพบุรุษร่างสันทัด ใบหน้ายิ้มแย้มนุ่มนวล ดวงตาสดใส พูดจาอ่อนโยน ท่านต้อนรับทีมงานอบรมหลักสูตร “วาดความตาย ออกแบบชีวิต” ที่กำลังจะมีขึ้น ณ ที่แห่งนี้
แม้ช่วงเช้าจะมีบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 3-4 แห่ง บุคคลกรจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นักกิจกรรม รวมถึงประชาชนผู้สนใจ ก็ทะยอยกันมาอย่างน่าชื่นใจ กิจกรรมช่วงเช้าเริ่มต้นด้วยการสร้างความสัมพันธ์ การรับฟัง ไปจนถึงเกมไพ่ไขชีวิต ที่ชวนให้ออกแบบชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการตายดีจนภาพการวางแผนค่อยๆ กระจ่างเป็นรูปร่างขึ้น
อาหารมื้อเที่ยงคือข้าวแกงปักษ์ใต้รสอร่อย ผู้เข้าร่วมรับประทานจนอิ่มหนำสำราญ แลกเปลี่ยนพูดคุยกันในประเด็นเรื่องราวของความตาย ท่ามกลางวงอาหาร ความตายยังคงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างออกรสชาติ
บรรยากาศฝนพรำในช่วงบ่าย ‘สมุดเบาใจ’ ยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทำพินัยกรรมชีวิต เปิดเผยให้ทุกแง่มุมได้ถูกสำรวจ ทบทวน และเตรียมความพร้อมก่อนตายได้เป็นอย่างดี
อาจารย์บุญเสริม แบ่งปันประสบการณ์ถึงการจากไปของป้าแต๋ว หรือ อาจารย์จิรวรรณ แก้วพรหม เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ในช่วงระยะสุดท้าย ที่อาจารย์จิรวรรณเลือกที่จะจากไปอย่างสงบ ในท่ามกลางคำเรียกร้องให้ ‘สู้’ จนถึงโค้งสุดท้ายของชีวิต โดยครอบครัวและญาติมิตร อาจารย์บุญเสริมเล่าว่า ท่านได้เห็นความพยายามของอาจารย์จิรวรรณที่อยากสู้เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รัก จนท้ายที่สุดเมื่อครอบครัวทำใจยอมรับ และยอมปล่อยวาง ป้าแต๋วก็ได้จากไปอย่างสงบสมตามเจตนารมย์ของท่าน
อาจารย์บุญเสริม นำสมุดบันทึกของป้าแต๋วที่เขียนไว้ในช่วงป่วยระยะท้ายมาเปิดให้ดู บันทึกหน้าหนึ่งปรากฏลายมืองดงามเป็นบทกวีในช่วงปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ชื่อว่า “อย่าร้องไห้นะ” เป็นบทเตือนสติผู้ที่มาร่วมในงานศพ
ฉันได้อ่านแล้วก็ให้นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ ที่ให้เราทั้งหมดได้เดินทางมาพบกัน และได้อ่านบทกวีอันเป็นบทสรุปความตายดีที่งดงามนี้ด้วยกัน
“อย่าร้องไห้นะ”
ใบไม้ร่วงหนึ่งใบอย่าไหวหวั่น
อย่าเสียขวัญวิโยคโศกกำสรวล
ฟ้ากำหนดเวลาว่าสมควร
ทุกสิ่งล้วนอนิจจังไม่ยั่งยืน
เมื่อไปก่อนถึงก่อนได้พักก่อน
อย่าอาวรณ์อาลัยให้ขมขื่น
จากกันแค่ชั่ววันและชั่วคืน
หลับหรือตื่นเราคงอยู่เคียงคู่ใจ


