![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/12-4-1.jpg)
![parallax background](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/03/header-10.jpg)
หนึ่งคำถาม…ความฝันที่เราอยากจะทำ กับความฝันที่กระแสหลักของสังคมชี้แนะให้ทำ เราควรเลือกอะไร?
หลากคำตอบ…หากเลือกกระแสหลัก เรามักได้ยินคำตอบว่า…อะไรก็ได้ที่มั่นคง เชิดชูวงศ์ตระกูล เป็นหน้าเป็นตาทางสังคม ที่สำคัญคือสภาพคล่องทางการเงินต้องเติบโตออกดอกออกผลชนิดยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะนั่นคือ ‘ความสำเร็จ’ ส่วนบางกลุ่มที่เลือกเดินตามความฝัน แม้จะล้มลุกคลุกคลานระหว่างเส้นทางฝัน มีทั้งบาดแผลสด แผลเก่า ไม่เว้นแม้แต่แผลลึกที่อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเย็บแผลซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเป็นเหตุให้ได้แผลใหม่ ไม่เพียงแต่เขาเหล่านี้จะ ‘กล้าฝัน’ หาก ‘กล้าทำ’ ความฝันให้กลายเป็นจริง โดยมิไยดีกับอุปสรรคและความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน รวมไปถึงคำครหาว่า ‘ไร้สาระ’ ที่มักจะเริ่มจากคนใกล้ตัวทั้งสิ้น
ไม่ว่าคำตอบนั้นคืออะไร ก็คงดีกว่าตอบว่า ‘ไม่รู้’ และคงจะยิ่งมืดแปดด้านเมื่อได้ยินว่า ‘ไม่รู้ว่า..ไม่รู้อะไร’
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉัน
ยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน
เพลง ‘รางวัลแด่คนช่างฝัน’
ไม่รู้ควรจะสงสาร ‘เธอ’ ผู้เป็นเจ้าของความฝัน หรือ ‘ฉัน’ ตัวความฝันเองที่ได้แต่ร้องเพลงรอแล้วรอเล่า…แต่ก็ไม่มีคนเดินมาถึงสักที ทั้งๆ ที่เป็นความฝันของเธอ แต่ฉันกลับได้รับการตีค่าจากคำตอบเริ่มต้นว่า ‘อะไรก็ได้’
บางครั้ง…เราก็ลืมรักตัวเอง
ถึงเวลาหรือยังที่ ทั้งเธอ และฉัน รวมตัวกันเป็น ‘เรา’ เพื่อหันมารักตัวเองโดยการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ตัวเราเอง...ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่หันกลับมาดูแลจิตใจตัวเองให้แข็งแรง ไม่โยนขยะเข้าไปหมักหมมในหัวใจ บรรดาขยะพิษทั้งปวงที่ทำร้ายหัวใจทุกดวงอย่างร้ายกาจที่สุด คงไม่พ้นการมองโลกในแง่ลบ ส่งผลให้กำลังใจของเจ้าของชีวิตขาดแหว่งร่วงหล่นจนอาจถึงกับพังทลายกลายเป็นเถ้าธุลีระหว่างการเดินทางไปตามหาความฝัน
‘ความฝันที่เป็นไปไม่ได้’ ที่หลายๆ คนพยายามจะพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ‘เป็นไปได้’ หากเมื่อเจออุปสรรคระหว่างทาง ผนวกกับเราอยู่ในโลกอันแสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยกติกามากมาย ความสับสนฉงนสงสัยต่างประดังประเดเข้ามา ความท้อถอยถาโถมเข้ามากัดกินหัวใจ เกิดความรู้สึกท้อแท้ จนอาจเลือกหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายในที่สุด
บินระโหย…โรยปีกอย่างอ่อนล้า
อยู่กลางป่า…เหนือยอดไม้สุดปลายลม
ชีวิตเอย…ถลาไปอย่างซานซม
สุดขื่นขม...เที่ยวมองหา…ไม่เห็นทาง
เพลง ‘สุดปลายปีกฝัน’
รุ่งขึ้น ขณะที่นั่งดื่มกาแฟถ้วยโปรดในร้านกาแฟบรรยากาศเงียบสงบแห่งหนึ่ง สมองกำลังคิดทบทวนเรื่อง ‘ความฝันกับเป้าหมาย’ ก็ได้อ่านเจอข้อความในหนังสือ ‘ยิ้มสู้’ เขียนว่า
“แม้มนุษย์เราจะอยู่ในภาวะที่ต้องรอการช่วยเหลือจากผู้อื่นในเรื่องหนึ่ง แต่มนุษย์เราอยู่ในภาวะที่อาจจะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นในเรื่องอื่นได้…การยิ้มของคนตาบอดนั้น ได้ช่วยให้หลายคนไม่ฆ่าตัวตาย”
คำพูดนี้ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เมื่อผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ผู้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน เจ้าของผลงานหนังสือ ‘ยิ้มสู้'และผู้ริเริ่มโครงการ ‘ปั่นไปไม่ทิ้งกัน’ ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมปั่นสามัคคีระหว่างคนตาดีช่วยคนตาบอด โดยปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯ – เชียงใหม่เป็นเวลา 9 วัน 9 จังหวัด ระยะทาง 867 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนสร้าง “ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน (เชียงดาว)” สร้างพื้นที่แห่งโอกาสสู่อาชีพที่ยั่งยืนให้แก่คนพิการทั่วประเทศ
ขณะที่หลายคนที่มีทุกอย่างครบหรือบางครั้งความเป็นอยู่โดยรวม อาจจะเรียกว่า ‘มีเกิน’ ความจำเป็น หากคนเหล่านั้นยังมีความสับสนเวียนวนอยู่ในห้วงความคิด ทั้งเรื่อง ‘ความฝัน’ และ ‘แรงบันดาลใจ’ เพื่อไต่บันไดไปหาฝัน อาจารย์วิริยะกลับชวนคุยอย่างสนุกสนาน ด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง ถึงแรงบันดาลใจที่อาจารย์ใช้คำแทนว่า ‘ปณิธาน’ และเล่าย้อนถึงอดีตเมื่อครั้งที่ได้รับโอกาสจาก Miss Genevieve Caulfied สตรีตาบอดชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ เธอบอกกับอาจารย์ประโยคหนึ่ง ซึ่งมันยังดังก้องอยู่ในหัวใจจนทุกวันนี้
"...วิริยะ ถ้าเธอเติบโตขึ้นแล้วประสบความสำเร็จ เธอไม่ต้องตอบแทนฉัน แต่ขอให้เธอไปช่วยเหลือคนพิการในประเทศไทย..."
โลกนี้ต้องการคนที่ต่อสู้เพื่อ ‘ความถูกต้อง’ มากกว่าคนที่ต่อสู้เพื่อ ‘ความสำเร็จ’
ความฝัน ที่พิสูจน์เพียงความสำเร็จของบุคคลหนึ่ง หากปราศจากความถูกต้อง
คุณค่าของความฝันนั้น ควรนิยามว่าอะไร?
‘
คุณลองขึ้นไปบนชั้น 2 สิ่งที่คุณกำลังตามหา อาจรอคุณอยู่’ อาจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความเมตตาและปรารถนาดีต่อ ‘ผู้เยี่ยมชม’ ก่อนเสริมว่า ‘คุณอาจจะค้นพบช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต…ที่นั่น’
![DSC_1474](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/03/DSC_1474-e1522144979300.jpg)
ด้านบนเป็นห้องจัดแสดงภาพวาดของชายคนหนึ่งที่รวบรวมภาพแสดงถึงแรงบันดาลใจในรูปแบบต่างๆ หากสะท้อนถึง ‘พลังชีวิต’ ที่บอกผู้ชมว่า หนึ่งชีวิตที่อาจดูธรรมดานั้น… มีคุณค่าเพียงใด
“การเป็นคนที่ถูกจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหว แทบไม่มีอะไรจะเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตได้เลย แต่สิ่งที่พอจะเป็นแรงบันดาลใจได้ คือ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบนอก…” เป็นคำกล่าวของสุภาพบุรุษท่านหนึ่งที่ธรรมชาติให้มาครบ 32 แต่ต้องคืนไปเร็วกว่าคนอื่นเมื่อวัยเพียง 12 ปี ด้วยเริ่มมีอาการผิดปกติ อายุ 18 ปี ขาทั้งสองหยุดทำงาน พอครบ 25 ปี แรงแขนทั้งสองจากไปอย่างถาวร ปัจจุบันร่างกายใช้งานได้น้อยกว่า 10 เปอร์เซนต์
“ถ้าหากคิดว่า ผมทำงานศิลปะด้วยภาวะจำยอม ผมขอปฏิเสธ เพราะว่าผมชอบทำงานนี้มาตั้งแต่เด็ก”
ในบรรดาคนที่รักงานศิลปะ หลายคนมักรู้จักท่านในนาม คุณทนง โคตรชมภู ศิลปินผู้ใช้ปากจับพู่กันวาดศิลป์ราวกับเนรมิต ภาพวาดที่คนรักศิลปะทั้งหลายปรารถนาสะสม การันตีลีลาศิลป์ด้วยรางวัลอันดับ 1 เหรียญทองจากการแสดงศิลปกรรม The Hebe Ransford Memorial Melbourne, Australia ไม่นับรวมผลงานเผยแพร่ความรู้ทางศิลปะแก่สังคม ผลงานศิลปะเพื่อช่วยเหลือสังคม รวมทั้งงานแสดงศิลปกรรมในประเทศและต่างประเทศ
หากน้อยคนที่จะรู้ชื่อเดิมท่าน ‘บุญทิ้ง’
“ผมคิดว่าทุกศาสตร์ คือ การเชื่อมเข้าหากัน และเกิดการจุดประกาย”
คุณทนงเล่าถึงความแตกต่างระหว่าง ‘จิตรกร’ กับ ‘ศิลปิน’ ไว้ในหนังสือ ‘ชีวิตทนง’ อย่างน่าสนใจว่า
“จิตรกร (painter) คือนักวาดภาพที่สามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้ตามที่ตาเห็น หรือตามความคิดของตัวเองหรือผู้อื่นก็ได้ แต่ ศิลปิน (artist) คือผู้ใช้ความคิดสร้างสรรค์งานโดยอาศัยความสามารถทางศิลปะถ่ายทอดออกมาอีกทีหนึ่ง…”
ครั้งหนึ่ง คุณทนงเคยใช้ความคิดสร้างสรรค์เชื่อมโยงเข้ากับความสามารถในการวาดภาพโดยใช้เศษผ้าขาวห่อศพจากหลวงปู่ มาขึงแทนแคนวาสราคาแพง เพราะไม่มีเงินซื้อ
“…ผ้าขาวห่อศพขึงตึงๆ ทาสีให้มัน ก็กลายเป็นแคนวาสได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าภาพเขียนในเฟรมมันมี ‘คุณค่า’ พอ ย่อมไม่มีใครสนใจว่า ‘พื้นผิว’ มาจากไหน…”
หากความคิดสร้างสรรค์คือ ‘ความฝัน’ และ ความสามารถในการวาดภาพได้ตามที่ตาเห็นหรือคิดนึกคือ ‘เป้าหมาย’ ที่เกิดขึ้นบนโลกของความเป็นจริง คำตอบที่พยายามค้นหาอาจอยู่ตรงหน้า…ทำ ‘ตาม’ ฝัน นั่นแหละคือเรื่องจริง
ก่อนเดินกลับออกมาจากห้องนิทรรศการ คล้ายได้ยินเสียงแว่วมาจาก ‘ภาพวาด’ ชิ้นสุดท้ายที่ผู้เขียนใช้เวลา ‘ตั้งคำถาม’ ในใจกับภาพนั้นนานเป็นพิเศษ ทำให้ต้องเดินย้อนกลับไปยืนมองภาพนั้นซ้ำอีกครั้ง…ผู้ชายใส่เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม คาดผ้าสีแดงบนหน้าผาก แววตาอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนโยนสะท้อนอุปนิสัยนุ่มนวล ใจเย็น ปีกสีขาวด้านหลังบุรุษผู้นี้เหมือนจะขยับน้อยๆ ราวกับปลอบโยนผู้เขียนที่ครุ่นคิดเรื่อง ‘ความฝันกับเป้าหมาย’ ว่า…
ให้ใจ...บันดาล...แรง…
ให้แรง...บันดาล…งาน.
ให้งาน...บันดาล…ใจ…สู่คนรุ่นต่อไป
![DSC_1509](http://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/03/DSC_1509-e1522144993669.jpg)
ถ้าตื่นมาพบว่ายังมีชีวิตอยู่ นั่นถือว่า เราทุกคนโชคดีมหาศาล และถึงแม้จะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย หากเรารู้จักคุณค่าของสิ่งที่เรากระทำแล้ว ชีวิตนี้มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
ผลงานทั้งหมดที่จัดแสดงใน ‘หอศิลป์ยิ้มสู้’ มิเพียงบอกถึง ‘อิสรภาพ’ ของชายคนหนึ่ง ที่มองว่า มิได้หมายถึงการแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไร้ซึ่งการสมาคมกับผู้คนอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ
หาก ‘อิสรภาพที่แท้จริง’ คือ การมี ‘สิทธิ์’ และ ‘โอกาส’ เลือกลงมือทำในสิ่งที่ตนเองรักและปรารถนาอย่างมีความสุข ภาพวาดทุกภาพคอยย้ำเตือนผู้เขียนถึงเรื่อง ‘คุณค่าอันยิ่งใหญ่ของหัวใจ’ ผ่านงาน ‘เสกศิลป์ด้วยปาก’ ว่า
‘จงอย่าได้รีรอหรือร้องขออะไรจากโชคชะตา หากจงเติมหัวใจด้วยความเพียรพยายาม แล้วทุกคนจะได้พบกับความกล้าแกร่งของหัวใจในที่สุด’
‘ศิลปะ’ มิเพียงทำให้หัวใจมนุษย์เติบโตและงดงาม…หากมอบ ‘แสงแบ่งปัน’ ให้หัวใจทุกดวงของทุกชีวิตกล้าดำรงอยู่เพื่อสืบทอดศรัทธาของตนอย่างเข้มแข็งและมีคุณค่า…มิใช่เศษซากอารมณ์ที่เกิดจากความว่างเปล่าของจิตวิญญาณ
วันนี้ เราควรขอบคุณธรรมชาติที่ให้เราหยิบยืม อากาศ ดิน น้ำ ไฟ ลม เพื่อสร้างสรรค์ผลงานฝากไว้บนโลกใบนี้ ก่อนที่วันข้างหน้า ‘ผลงานของธรรมชาติ’ จะถูกมอบคืนกลับสู่วัฏจักรธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
ใจเหมือนใจ…แต่ใจใครไม่เหมือนเธอ….คนหัวใจตะวัน…คนหัวใจ ‘ทนง’
ข้อมูลอ้างอิง:
- หนังสือ ‘ชีวิตทนง’ ทนง โคตรชมภู, คุณภานุมาศ ภูมิถาวร สำนักพิมพ์โพสต์บุคส์
- หนังสือ ‘ยิ้มสู้’ ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ
- สถานที่เอื้อเฟื้อภาพประกอบ: หอศิลป์ยิ้มสู้ Art for All/ยิ้มสู้ คาเฟ่/ซอยอรุณอมรินทร์ 39 เปิดทำการทุกวัน เวลา 07.30 น.- 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (02) 055-1901
- เพลง คนหัวใจตะวัน, คำร้อง/ทำนอง/ขับร้อง: คุณศักดิ์ศิริ มีสมสืบ จากบทเพลงชุดพิเศษ ‘ทนง โคตรชมภู’ Limited Edition 2017
- เพลง สุดปลายปีกฝัน, ขับร้อง: คุณพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ คำร้อง/ทำนอง: คุณทนง โคตรชมภู
- เพลง รางวัลแด่คนช่างฝัน, คำร้อง/ทำนอง/ขับร้อง: คุณจรัล มโนเพ็ชร
![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2018/04/12-4-1.jpg)
![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2017/09/article3.jpg)
![](https://peacefuldeath.co/wp-content/uploads/2017/11/feature-9-e1511860874459.jpg)