parallax background
 

สอนธรรมะลูก เรื่อง การพลัดพราก สูญเสีย และความตายอย่างไรดี?

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล และคณะ หมวด: ในชีวิตและความตาย


 

Surasak Kiti - กราบนมัสการ ลูกชายอายุ ๑๑ ขวบ ดูสารคดีเรื่องทำนายโลกแตก ในสิ้นปีนี้ ทำให้เกิดความกลัวและกังวลว่าจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่อีกเราควรจะใช้ธรรมะใด ช่วยให้ลูกได้คลายทุกข์บ้าง ได้แต่บอกลูกว่าเราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดเมื่อเกิดอะไรขึ้นเราจะได้ไม่ เสียใจ ว่าเราทำดีแล้ว ขอบคุณครับ

พระไพศาล วิสาโล - ที่คุณแนะนำลูกนั้นดีแล้ว เพราะโลกจะแตกหรือไม่เป็นเรื่องอนาคต จะเกิดขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ จึงไม่ควรกังวลเกินเหตุหรือตีตนไปก่อนไข้ สิ่งที่ควรทำก็คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามอาตมาขอให้ความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

ก่อนอื่น ควรแนะนำลูกให้มีท่าทีที่ถูกต้องต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ คือ อย่าเพิ่งเชื่อ ควรไตร่ตรองหรือพิจารณาด้วยตนเองก่อน ว่ามีเหตุผลหรือไม่ ข้อมูลถูกต้องเพียงใด หากสามารถหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสอบทานได้ยิ่งดี สำหรับคำทำนายเรื่องโลกแตกนั้น พ่อแม่ควรชี้แนะให้ลูกตระหนักว่า มันเป็นแต่การคาดการณ์ ยังไม่ใช่ความจริง ฟังไว้ไม่เสียหลาย แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อทันที หากพ่อแม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อน ก็อาจบอกลูกว่า คำทำนายเรื่องโลกแตกนั้นมีมาตลอดตั้งแต่พันหรือสองพันปีที่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด และจะยังคงมีอีกเรื่อยๆ เมื่อลูกโตขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุผลหรือข้อมูลย่อมมีข้อจำกัด ไม่สามารถช่วยให้คนเราคลายทุกข์ได้หมด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเด็ก อย่างหนึ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้เพื่อช่วยคลายความกังวลของลูกก็คือ ทำให้ลูกมั่นใจในความรักของพ่อแม่ ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน มีปัญหาอย่างไร ขอให้นึกถึงความรักของพ่อแม่ เพราะพ่อแม่จะส่งใจไปช่วยลูกอยู่เสมอ แม้จะอยู่ห่างไกลก็ตาม พร้อมกันนั้นก็ให้นึกถึงคุณความดีที่ลูกได้ทำ เพราะความดีหรือบุญกุศลนั้นจะสามารถช่วยเหลือลูกได้ ดังพุทธภาษิตที่ว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ดังนั้นลูกจึงควรหมั่นทำความดีอยู่เสมอ ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล และการช่วยเหลือผู้อื่น

ถึงที่สุดแล้วพ่อแม่ควรสอนให้ลูกตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิต เพราะแม้ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้น ทุกคนก็ต้องตาย สักวันหนึ่งพ่อแม่ก็ต้องจากลูกไป หากตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ลูกก็จะยอมรับความพลัดพรากได้ในที่สุด แต่การสอนลูกในเรื่องนี้ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น เริ่มจากการชี้ให้ลูกเห็นความตายในรูปแบบที่ง่ายแก่ความเข้าใจก่อน เช่น ต้นไม้ตาย ดอกไม้เหี่ยวเฉา ต่อมาก็เขยิบมาถึงความตายของสัตว์ เริ่มจากสัตว์ที่ไกลตัว เช่น นกที่ตายในสวน หมาที่ตายกลางถนน ต่อมาก็โยงมาถึงความตายของสัตว์เลี้ยงในบ้าน ทั้งหมดนี้เพื่อโยงมาสู่ความจริงว่า สักวันหนึ่งปู่ย่าตายายหรือพ่อแม่ก็จะต้องจากไปเช่นกัน การตระหนักว่าความตายเป็นธรรมดาของชีวิตจะช่วยให้ลูกวิตกกังวลน้อยลงกับเรื่องภัยพิบัติ โลกแตก และสามารถยอมรับความตายของคนที่อยู่รอบตัวได้มากขึ้น

จากเฟซบุ๊ก พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

[seed_social]
19 เมษายน, 2561

จ่อขยายหน่วยดูแล “ผู้ป่วยระยะท้าย” โรงพยาบาลหมื่นแห่ง เป็นของขวัญปีใหม่

กระทรวงสาธารณสุขเตรียมขยายระบบดูแลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต หนุนโรงพยาบาลกว่าหนึ่งหมื่นแห่ง ตั้งหน่วยบริการคุณภาพชีวิตทั้งในโรงพยาบาล และบ้าน ช่วยบรรเทาทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
18 เมษายน, 2561

สธ.สั่งระงับการใช้คำแนะนำ แต่ สช.ยันสิทธิไม่ยื้อตายยังมีผลบังคับใช้อยู่

กระทรวงศึกษาธิการ (สธ.) ได้พิจารณาเรื่องการจัดทำคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธาณสุข เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข
25 เมษายน, 2561

Dharma Rosa ธรรมะจากดอกไม้

ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ขอให้เรารู้สึกถึงความหมายอันงดงามให้ได้ ขอให้เราเชื่อและมีศรัทธาที่มั่นคง ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้จริง รู้สึกมหัศจรรย์ได้ว่ามันต้องเกิดเช่นนี้แหละ ว่าคนเรามีกรรมเป็นของตัวเอง