

หลังจากที่พ่อผมตาย ผมไม่เคยรู้ว่าพ่อได้ทิ้งมรดกอันมีค่าไว้ให้ หลังจากที่ผมค้นพบ มันทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป
พ่อของผมเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งทำให้แม่เสียใจมาก แม้ว่าแม่ไม่เคยร้องไห้หรือพูดอะไร แต่ความเงียบงันทำให้ผมรับรู้ว่าแม่สะเทือนใจแค่ไหน แม่บ่นเพียงว่าไม่อยากนอนคนเดียว ผมกับน้องจึงสลับกันมานอนกับแม่ โดยที่น้องต้องแลกกะทำงานเป็นช่วงกลางวันหากผมต้องออกต่างจังหวัด
เวลาผ่านไปหนึ่งปีสถานการณ์ในบ้านเริ่มคลี่คลาย ผมลาออกจากงานเพราะไม่อยากทำงานประจำอีกต่อไป ในช่วงแรกที่ยังหางานไม่ได้ ผมรวบรวมเอกสารต่างๆ และทำเรื่องเพื่อนำเงินสะสมจากบัญชีธนาคารกับเงินประกันสังคมออกมาให้แม่ทั้งหมด แม่ไม่เคยมีเงินเก็บเลย เนื่องจากตลอดชีวิตดูแลลูกและสามีในฐานะแม่บ้าน เงินจำนวนนี้จึงทำให้แม่รู้สึกดีและมั่นคงมากขึ้น
ผ่านไปสองปี...
ผมทำงานพาร์ทไทม์-อาทิตย์ละสามวัน ในองค์กรแห่งหนึ่ง ว่างๆ ก็ไปรับจ๊อบ ผมมีเวลาเหลือเฟือ แต่ใช้ไปอย่างไร้คุณค่าเหมือนหายใจทิ้งไปวันๆ เพราะส่วนใหญ่หมดไปกับการดูซีรีส์ หรือจมหายไปกับเฟซบุ๊ก ทั้งที่จริงผมอยากจะเปลี่ยนตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และความตั้งใจนั้นก็เลือนหายไปอีกครั้งเมื่อผมอยู่หน้ามือถือ
จนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ ไม่รู้มีอะไรดลใจให้ผมเดินไปที่อ่างปลาหางนกยูงที่พ่อเลี้ยงไว้ ทั้งที่ไม่เคยเฉียดกรายมาตลอดสองปี ผมเห็นปลาตายตัวหนึ่ง และมีอาหารเม็ดเกาะอยู่ที่สาหร่ายเต็มไปหมด ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ตอบกลับเพียงว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
ผมรู้สึกหงุดหงิด และเดินออกไปซื้ออาหารปลาใหม่เพราะเข้าใจว่าปลาไม่กินยี่ห้อนี้ แต่ในที่สุดผมก็รู้ว่าแม่ให้อาหารมากเกินไปจนปลากินไม่หมด และที่ปลาตายเพราะตัวผู้มีจำนวนมากเกินไป จึงไล่กัดตัวเมีย แต่ที่สำคัญผมรับรู้ได้ว่าแม่ไม่อยากทำหน้าที่เลี้ยงปลาเท่าไรนัก

ด้วยเหตุนี้ทุกเช้าผมจึงรับหน้าที่ให้อาหารปลาแทนแม่ เวลานั่งดูปลากินอาหารก็เพลินดี พอมันออกลูกออกหลานก็ชวนให้เราชื่นใจ ไม่กี่วันต่อมา ป้าข้างบ้านซ่อมบ้าน แรงสั่นสะเทือนทำให้ปลาสอดตาย เหลืออยู่ตัวเดียว ป้าเลยนำปลาสอดสีแดงมาไว้ในอ่างปลาหางนกยูง ผมคอยจับตาดูว่าปลาสอดมันจะกินปลาหางนกยูงของผมไหม ต่อมาเด็กข้างบ้านไปงานวัดช้อนปลาหางนกยูงสีเหลืองดำมาให้สามตัว ผมนำมารวมไว้ในอ่างดิน แต่หารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่วัน ปลาหางนกยูงของผมจะค่อยๆ ทยอยตายทีละตัวสองตัว และมารู้ทีหลังว่ามันติดเชื้อ
ในช่วงที่หมกมุ่นแก้ไขสถานการณ์ปลาติดเชื้ออยู่นั้น ผมเงยขึ้นไปเห็นต้นกล้วยไม้ที่พ่อแขวนเรียงเอาไว้ พ่อผมรักกล้วยไม้มาก แม้แกไม่ได้เรียนสูง แต่ก็ให้ผมหาซื้อหนังสือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แล้วเรียนรู้การปลูกกล้วยไม้ด้วยตนเอง
แน่นอนว่าบ้านของผมไม่ได้มีแค่กล้วยไม้เท่านั้น พ่อของผมเรียกว่าเป็นคนมือเย็นปลูกต้นไม้งาม และมีฝีมือเพาะเลี้ยงปลากัด แต่ตอนนี้แค่ปลาหางนกยูงที่ขึ้นชื่อว่าเลี้ยงง่ายก็ทยอยตายทุกวัน กล้วยไม้ก็ใบแห้งกรอบเพียงแค่ผมจับเบาๆ ใบก็หลุดและไม่เคยเห็นดอกเลย
แม่ของผมรับช่วงต่อดูแลต่อจากพ่อ แต่แม่ไม่ได้ใส่ใจเท่าพ่อนัก จะรดน้ำต้นไม้บ้างเฉพาะหน้าบ้าน ส่วนบริเวณด้านข้างของบ้าน สายยางยาวไม่ถึงเลยไม่ค่อยรด บางต้นจึงแห้งตาย บางต้นใบเหี่ยวย่นและเป็นดวงขาว ส่วนดินก็แห้งกรัง
ดังนั้นทุกเช้าหลังให้อาหารปลา ผมจะรดน้ำต้นไม้โดยรอบ ไม่น่าเชื่อ เพียงไม่กี่วันผมเห็นดอกชบาสีโอรสขนาดใหญ่ ตามด้วยดอกเฟื่องฟ้าบาน ส่วนกล้วยไม้ใบแตกยอดดูสดชื่น ผมค่อยๆ ถามชื่อต้นไม้จากแม่ เพิ่งรู้ว่าบ้านเรามีกะเพรา โหระพา ตำลึง ชะพลู ว่างหางจระเข้ และตะไคร้ด้วย ลึกๆ ผมเคยฝันเอาไว้ว่าอยากจะปลูกผักสวนครัวกินที่บ้าน แต่คนเมืองอย่างผมคิดได้แค่ว่าต้องอบรมก่อนเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่ตอนนี้ผมได้เริ่มต้นด้วยตัวเองแล้ว หากมีอะไรติดขัดสงสัย ป้าข้างบ้านที่เอาปลาสอดมาให้จะคอยสอนผม
วัตถุที่อยู่นิ่งก็จะคงสภาพเฉื่อยอยู่กับที่ แต่เมื่อมันเคลื่อนที่ก็จะมีแรงขยับไปเรื่อยๆ ผมถือโอกาสนี้หากิจกรรมอื่นทดแทนการเล่นโซชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผมเป็นโรคภูมิแพ้ ผมจึงออกกำลังกายด้วยการฝึกชี่กงในตอนเช้า พอสี่โมงเย็นก็เดินออกกำลังกายจนเหงื่อออก การเดินทำให้ผมนึกถึงความประทับใจตอนไปเที่ยวขึ้นเขากับเพื่อนๆ มาคราวนี้อาจไม่ได้เห็นธรรมชาติสองข้างทาง แต่ก็ได้เห็นซอกซอยร้านรวงเล็กๆ ชีวิตผู้คน และอาหารริมถนน

มาถึงวันนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไป เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้มาจากแรงกดดันภายนอก แต่มาจากภายในที่ค่อยเป็นค่อยไป และทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น ผมเรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่แบบล้มกระดาน แต่เพียงลองปรับเพิ่มหรือลดอะไรบางอย่าง ที่สำคัญควรจะเป็นสิ่งที่เราชอบ หรือถ้าสัมพันธ์กับเป้าหมายในชีวิต ก็จะทำให้สอดคล้องกลมกลืนและอยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ผมลองทบทวนว่าที่ผ่านมาทำไมผมถึงไม่ได้ดูแลต้นไม้เลย เป็นเพราะผมหมกมุ่นกับงานจนไม่มีเวลาหรือ ไม่ใช่หรอก มันเป็นข้ออ้าง ที่จริงการเกี่ยวข้องกับต้นไม้ก็เป็นการเกี่ยวข้องกับพ่อ แต่อ้าปากคุยกับพ่อทีไร ก็ลงท้ายด้วยการทะเลาะกันทุกที ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการหลีกเลี่ยงและคุยให้น้อยที่สุด พอถึงบ้านก็เข้าห้องนอน ปิดการรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ลึกๆ ก็อยากให้พ่อช่วยแนะนำ และอยากเข้าใจพ่อให้มากกว่านี้
มาถึงตอนนี้ ผมเข้าใจพ่อผ่านสิ่งต่างๆ ที่เขาสร้างขึ้น ผมอยากจะบอกพ่อว่าตอนนี้รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ครอบครัว และธรรมชาติ อีกทั้งยังค้นพบว่ามีบางส่วนของพ่อยังคงอยู่ในตัวของผมด้วย
เครดิตภาพ : www.pxhere.com
[seed_social]

