
การบำบัดบนถาดทราย (Sand tray therapy) แม้จะฟังดูเป็นการบำบัดแนวใหม่ แต่การบำบัดชนิดนี้ถือกำเนิดมากว่า 90 ปีแล้ว เดิมทีถูกพัฒนาขึ้นจากนักจิตแพทย์และกุมารแพทย์ที่ต้องทำงานกับเด็กตลอดเวลา แต่เด็กเล็กส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาได้ การใช้ของเล่นอย่างถาดทรายเข้ามาเป็นตัวกลางจึงทำให้ช่องว่างระหว่างวัยนั้นจางไป ภายหลังค้นพบว่า นอกจากเด็กเล็กแล้ว การบำบัดบนถาดทรายยังสามารถใช้กับผู้ใหญ่ได้ด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่มีเรื่องคับข้องใจ มีความเจ็บปวดหรืออะไรบางอย่างซุกอยู่ในซอกใจมานานจนการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมายากจะดึงเรื่องราวเหล่านั้นออกมาได้
คุณศุภฤทธิ์ ทวีเกียรติ หรือครูฤทธิ์ นักจิตบำบัดบนถาดทรายกล่าวถึงการบำบัดชนิดนี้ว่า
“การบำบัดบนถาดทรายสามารถใช้ได้กับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป จนถึงผู้ใหญ่อายุ 113 ปี ศาสตร์การบำบัดชนิดนี้สามารถใช้บำบัดได้ตั้งแต่ความคิดลบ ความรู้สึกแย่ หรือความต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง และด้วยจุดประสงค์ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการสื่อสาร ทำให้เหมาะกับผู้ที่ไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องอย่างไร เพราะเรื่องเล่าเหล่านั้นสัมผัสกับเรื่องที่เป็นบาดแผลทางจิตใจ บางครั้งก็ใช้กับคนที่พูดได้ไหลไปเรื่อยแต่ไม่สามารถจับประเด็นได้ รวมถึงคนที่รู้ว่าควรทำอะไร แต่ก็ไม่สามารถลงมือทำได้สักที เช่น บางครั้งคนเรารู้ว่าต้องทำบางสิ่งที่ดีต่อทั้งร่างกายและใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”
ครูฤทธิ์ (ศุภฤทธิ์ ทวีเกียรติ) อธิบายถึงวิธีการบำบัดบนถาดทรายว่า การบำบัดชนิดนี้จะใช้ของเล่นและสัญลักษณ์ต่างๆ วางบนถาดทราย ผู้เข้าใช้บริการจะบรรยายเป็นเรื่องราวอะไรก็ได้ลงบนถาดทรายนั้น ทั้งเรื่องราวแฟนตาซีไม่มีอยู่จริง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำ เรื่องราวส่วนใหญ่ของผู้เข้าใช้บริการมักสะท้อนถึงบางอย่างในจิตใจ เป็นสิ่งที่ติดขัดหนักหน่วงอยู่ภายใน หรือบางครั้งก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าแท้ที่จริงภายในใจของตนกำลังเก็บซ่อนเรื่องราวอะไรเอาไว้
“มีผู้เข้ารับการบำบัดท่านหนึ่ง เริ่มเล่าเรื่องคาวบอยสามกลุ่มกลางทะเลทราย โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเล่าเรื่องคาวบอยนี้ พอคุยไปคุยมา ทั้งเขาและเราก็ค้นพบว่า อันที่จริง เรื่องคาวบอยสามกลุ่มนี้ มีที่มาที่ไปมาจากการเมืองในที่ทำงาน โดยแบ่งฝ่ายออกเป็นสามพวก อย่างในกรณีนี้ หน้าที่ของนักจิตบำบัดก็คือ การให้คำแนะนำต่อผู้เข้ารับบริการว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างไร ให้สภาพจิตใจไม่อ่อนล้าจนเกินไป”
เล่าชีวิตร่อนความตาย – ทำความรู้จักการสูญเสียผ่านถาดทราย
ครูฤทธิ์ (ศุภฤทธิ์ ทวีเกียรติ) เผชิญหน้ากับการสูญเสียคนใกล้ชิดไปหลายคนตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ทั้งญาติใกล้ชิดและเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกัน เมื่อเติบโตขึ้นคุณพ่อก็ล้มป่วยลงด้วยมะเร็งและกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง กลางวันต้องใช้เวลาดูแลลูก ส่วนกลางคืนดูแลคุณพ่อที่ป่วย ตอนนั้นครูฤทธิ์ได้ทำพินัยกรรมชีวิตเอาไว้ให้คุณพ่อด้วย แล้ววันสุดท้ายของคุณพ่อก็มาถึง
“เราค้นพบนับตั้งแต่วันนั้นว่า พินัยกรรมชีวิตทำให้ทุกอย่างที่ชวนปวดหัวยุ่งยาก คลี่คลายกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา”
เป็นช่วงเวลานั้นเองที่ ครูฤทธิ์เข้าร่วมงานเสวนาเกี่ยวกับความตายมากขึ้นและค้นพบว่า การบำบัดบนถาดทรายสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเตรียมตัวตายอย่างสงบได้ เพราะการพูดคุยเรื่องความตายเพื่อเตรียมตัวไปสู่วาระสุดท้ายเรื่องหนักและยากทราจะเริ่มต้นบทสนทนา แต่การเล่นทรายถือกำเนิดขึ้นมาแก้ปัญหากำแพงการสื่อสารอยู่แล้ว ครูฤทธิ์จึงคิดว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้และเรียกชื่อโครงการนี้ว่า ‘เล่าชีวิตร่อนความตาย’
“การพูดคุยเรื่องความตายเป็นเรื่องหนัก บางคำถามสำหรับการเตรียมตัวตายเป็นคำถามที่กระแทกใจจริงๆ เพราะเป็นคำถามที่ส่งถึงเราและคนที่รักโดยตรง เราเลยค้นหาว่าพอจะมีวิธีอื่นไหมที่ช่วยได้บ้าง กระทั่งค้นพบว่า การพูดคุยเรื่องความตายบนถาดทรายช่วยได้ เพราะการเล่นบนถาดทรายใช้สัญลักษณ์และของเล่นเป็นตัวแทนในการสื่อสาร โดยเราไม่ต้องพูดถึงวาระสุดท้ายของเราหรือคนใกล้ชิดเลย ... อารมณ์หนักๆ จากการคุยเรื่องความตายถูกถ่ายเทไปที่ถาดทราย ทำให้ผู้นำคุยอย่างเราไม่ต้องรับอารมณ์ตรงๆ แต่ผู้ใช้บริการก็ยังรู้สึกได้ถ่ายทอดได้ระบายออกมา”
‘เล่าชีวิตร่อนความตาย’ มีต้นแบบมาจาก ‘เกมไพ่ไขชีวิต’ โดยทั้งสองทำให้การสนทนาที่แสนกระอักกระอ่วนกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่อุปกรณ์การเล่นของทั้งสองแตกต่างกัน ทำให้วิธีการเล่นแตกต่างกันด้วย
ไพ่ไขชีวิต - ใช้การเปิดไพ่ ถาม-ตอบคำถามที่เกี่ยวกับวาระสุดท้าย คำถามจะสุ่มสลับจากสำรับ ส่วนคำตอบจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิต ความเชื่อและเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนต่างกันไป
เล่าชีวิตร่อนความตาย - เป็นเรื่องเล่าจำลองวาระสุดท้ายบนถาดทราย ผู้เล่นจะสร้างเรื่องราวตัวละครที่มีชีวิตประจำวันอย่างไรก็ได้ แต่สถานการณ์จะบังคับให้วาระสุดท้ายมาเยือนยังตัวละครนั้น ผู้เล่นและตัวละครจะได้ทำความรู้จักกับช่วงวาระสุดท้ายไปพร้อมๆ กัน เช่น เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ถาดทรายของตัวละครจะถูกสร้างมาเป็นอย่างไรในช่วงที่ร่างกายทรุดโทรมลง หรือเราจะยื้อชีวิตของตัวละครต่อไปอีกนานแค่ไหน? ถาดทรายที่แสดงถึงเรื่องค้างคาใจของตัวละครยังมีอะไรบ้าง? และถ้าวาระสุดท้ายมาถึงจริงๆ ถาดทรายงานศพของตัวละครนี้จะถูกจัดขึ้นอย่างไร?
ความพิเศษของ ‘เล่าชีวิตร่อนความตาย’ คือการจำลองเหตุการณ์ความตายที่ไม่มีอยู่จริง แต่ถาดทรายแต่ละถาดกลับสะท้อนบทเรียนไปสู่ชีวิตจริงของผู้เล่นทราย แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ‘เล่าชีวิตร่อนความตาย’ ถูกพัฒนามาจากการบำบัดทางจิตวิทยาซึ่งทำงานกับจิตใต้สำนึกของผู้เล่นทราย ทำให้ 1-3 วันหลังจากการเล่นทรายนั้น จิตใต้สำนึกจะทำงานต่อไปในรูปแบบของความฝัน ซึ่งครูฤทธิ์จะติดตามเรื่องราวของผู้เล่นแต่ละคนต่อไปด้วย
สำหรับผู้สนใจ
ครูฤทธิ์เล่าว่า เล่าชีวิตร่อนความตายและการบำบัดบนถาดทราย สามารถรองรับผู้สนใจได้ตั้งแต่หนึ่งคนจนถึงกลุ่มคนผู้สนใจ ขอเพียงมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการชัดเจน และการมาเป็นกลุ่มอาจลงรายละเอียดลึกเท่ากับการมาคนเดียวหรือมาเป็นคู่ไม่ได้ ครูฤทธิ์มีสถานที่บริการอยู่ที่รามอินทรา 34 แต่จะทำกิจกรรมนอกสถานที่ก็ได้เหมือนกัน ช่องทางการติดต่อของครูฤทธิ์สามารถเสิร์ชค้นหาในเฟสบุ๊คว่า : Sand Tray Play ก็ดี Therapy ก็ได้
“เปิดใจให้กว้าง อนุญาติให้วัยผู้ใหญ่ของเรามีมุมสนุกสนานบ้าง” ครูฤทธิ์ทิ้งท้าย
วันที่ออกอากาศ: 28 มีนาคม 2564
ผู้เรียบเรียง: กฤติน ลิขิตปริญญา