parallax background
 

ข้อแนะนำห้าประการ

ผู้เขียน: แฟรงค์ โอสตาเซกิ หมวด: ประสบการณ์ชีวิต


 

ไม่นานมานี้ผมได้คิดค้นคำแนะนำ ๕ ประการ เพื่อเป็นคู่มือของผู้ที่กำลังจะตาย คำแนะนำดังกล่าวอาจจะเป็นประโยชน์กับมิติอื่นๆ ของชีวิต สามารถให้แรงบันดาลใจและเป็นแนวทางปฏิบัติได้ด้วย ผมมองว่ามันเป็นการปฏิบัติที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่สามารถสำรวจและลงลึกไปได้เรื่อยๆ ทั้ง ๕ ประการนี้ไม่ได้เรียงตามลำดับ และไม่ได้เป็นทฤษฎีหรือแนวคิดใดๆ คำแนะนำเหล่านี้ จะเข้าใจและทำให้เป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อนำมาใช้ในชีวิตและสื่อสารด้วยการกระทำ

ข้อแรก: น้อมรับทุกสิ่ง, ไม่ผลักไสสิ่งใด การจะน้อมรับทุกสิ่งได้, เราไม่จำเป็นต้องชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น. ไม่ใช่เรื่องของเราเลยที่จะชอบหรือไม่ชอบ. หน้าที่ของเรามีแค่ว่าเชื่อมั่น, รับฟัง, และใส่ใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ประสบอยู่ในส่วนลึกที่สุดแล้ว, เรากำลังถูกเรียกร้องให้พร้อมเปิดใจรับทุกสิ่งโดยไร้ความกลัว

นี้คือ การเดินทางไปสู่การค้นพบอย่างต่อเนื่องที่ทำให้เราเข้าสู่พรมแดนใหม่ๆ อยู่เสมอ เราไม่รู้เลยว่ามันจะลงเอยอย่างไร จำต้องใช้ความกล้าหาญและความยืดหยุ่น เราจะพบกับสมดุล การเดินทางคือปริศนาที่เราจำต้องอยู่กับมันอย่างเปิดกว้าง กล้าเสี่ยง, และให้อภัยโดยไม่หยุดยั้ง

ข้อสอง: เข้าหาประสบการณ์ด้วยทั้งหมดของตัวเรา ในการเยียวยาผู้อื่นและตัวเรา เราพร้อมเปิดรับทั้งความเบิกบานและความกลัว ในการเยียวยาดังกล่าว เราดึงออกมาทั้งความเข้มแข็งและความสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ความเจ็บปวด และความปรารถนาที่จะค้นพบจุดบรรจบระหว่างเรากับผู้อื่น ความอบอุ่นแบบนักวิชาชีพไม่สามารถบำบัดผู้อื่นได้ สิ่งที่จะเอื้อให้เราช่วยเหลือผู้อื่นได้ มิใช่ความเชี่ยวชาญ แต่คือการสำรวจความทุกข์ของเราเอง มันจะทำให้เราสัมผัสความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ด้วยจิตแห่งกรุณา แทนที่จะกลัวหรือความสงสาร เราต้องเชื้อเชิญทั้งหมดนี้ให้เข้ามา. เราไม่อาจร่วมเดินทางไปกับคนอื่นๆ ไปยังที่ที่เรายังไม่เคยสำรวจด้วยตัวเอง การสำรวจชีวิตด้านในของเราต่างหากที่จะเป็นสะพานแห่งความเห็นใจ พาเราเข้าไปหาผู้อื่นได้.

ข้อสาม: อย่ารั้งรอ ความอดทนนั้นต่างกับการรั้งรอ. เมื่อเรารั้งรอ, เราจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง เราจะพลาดโอกาสที่ชั่วขณะนั้นกำลังมอบให้เรา. เมื่อใดก็ตามที่เรามีความกังวลใจหรือวางแผนเกี่ยวกับอนาคต, เราพลาดโอกาสมากมายที่อยู่ตรงหน้าเรา. การรอคอยชั่วขณะแห่งความตาย จะทำให้เราพลาดชั่วขณะแห่งการดำรงอยู่อีกมากมายหลายขณะ, อย่าได้รั้งรอ. หากมีใครบางคนที่คุณรัก, จงบอกให้เขารู้ว่าคุณรักเขา จงเปิดโอกาสให้ความไม่แน่นอนอันเป็นธรรมดาของชีวิตนี้ บอกแก่คุณว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และขอให้เข้าไปหามันอย่างสุดตัว.

ข้อสี่: รู้จักผ่อนพักท่ามกลางสรรพสิ่ง เรามักคิดไปว่าจะผ่อนพักได้ต่อเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว. เหมือนกับเวลาเราไปเที่ยวในวันหยุดหรือตอนที่งานเราเสร็จ. เราคิดว่าเราจะผ่อนพักอย่างสงบได้ก็ต่อเมื่อสิ่งแวดล้อมหรือเงื่อนไขชีวิตเปลี่ยนไป แต่การจะพบความสงบท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้นทำได้ เราจะสัมผัสได้เมื่อเราใส่ใจจดจ่อเต็มที่กับวินาทีนี้ หรือกิจกรรมนี้ โดยไม่วอกแวก ที่สำหรับผ่อนพักเยี่ยงนี้มีอยู่เสมอ. เพียงแต่เราใส่ใจกับมัน มันเป็นอีกด้านหนึ่งของเราที่ไม่เคยเจ็บป่วย, ไม่เกิดและไม่ตาย

ข้อห้า: น้อมใจอยู่ในความไม่รู้ ข้อนี้หมายถึงใจที่เปิดกว้างและยอมรับ. ใจที่ไม่ถูกจำกัดโดยแผนการ บทบาท หรือความคาดหวังใดๆ ท่านอาจารย์ซูซูกิ อาจารย์เซนผู้ยิ่งใหญ่ มักชอบกล่าวว่า “ในจิตของผู้เริ่มต้น มีความเป็นไปได้อันหลากหลาย, แต่จิตของผู้เชี่ยวชาญมีความเป็นไปได้ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” มองในแง่นี้เราจะตระหนักได้ว่า “ยิ่งไม่รู้ก็ยิ่งสนิทชิดเชื้อ” หากเข้าใจเรื่องนี้ เราจะอยู่ชิดใกล้กับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ บอกเราเองว่าควรทำอะไร เราพึงฟังเสียงข้างในอย่างใส่ใจ, รับรู้ถึงแรงกระตุ้นภายใน, เชื่อมั่นในความหยั่งรู้ของเรา. เราพึงรู้จักมองด้วยด้วยสายตาที่สดใหม่เสมอ

[seed_social]
18 เมษายน, 2561

เหมือนรู้ว่าต้องจากกัน

“หมอๆ ช่วยดูให้ฉันหน่อยสิว่า ผัวฉันมีข้าวกินหรือเปล่า” นั่นเป็นเสียงของป้าแสงคนไข้ที่มาด้วยอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเกิดจากมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ
19 เมษายน, 2561

จันทราภาวนา

แสงสีเหลืองทองทาทาบท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม งดงามฉ่ำเย็นจนสะกดให้หญิงสาวผู้หลงรักดวงจันทร์อย่างผู้เขียนมิสามารถก้าวเท้าเดินต่อไปได้ ต้องหยุดชื่นชมแสงจันทร์โดยหวังอยู่ลึกๆ ว่า ถ้าได้อาบแสงจันทร์บ่อยๆ จะกลายเป็นสาวสองพันปีเข้าสักวัน
11 มกราคม, 2561

ค่อยๆ ว่ากันไป

เคยรู้สึกบ้างไหมว่า มีบางช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหารุมเร้าอย่างไม่คาดคิดและไม่ทันตั้งตัว จบเรื่องนี้มีอีกเรื่องหนึ่งตามมาอย่างติดๆ โดยไม่ทันหายใจ แถมไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามันมาได้อย่างไร รู้แต่ว่าชีวิตไม่สามารถจัดการหรือควบคุมอะไรได้เลย