parallax background
 

Breast Talk & The Journey of Miracle Life 2018

ผู้เขียน: วรรณวิภา มาลัยนวล หมวด: ชุมชนกรุณา


 

Breast Talk & The Journey of Miracle Life 2018 จัดโดยชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย ในงานนี้ได้เชิญผู้ป่วยที่มีประสบการณ์การเป็นมะเร็ง มาเล่าถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตที่สำคัญและมีส่วนพลิกผันชีวิตของเธอแต่ละคนให้ได้พบกับความหมายบางอย่างของการมีชีวิตอยู่กับมะเร็งได้อย่างมีคุณค่า 

 

“วางแผนไว้  ได้เปรียบกว่า”  คุณจีรวรรณ สุวานิชวงศ์  ผู้ผ่านประสบการณ์รักษาตัวกับมะเร็งเต้านมมาแล้ว ได้ให้ข้อคิดที่น่าประทับใจว่า เมื่อเธอทราบว่าตนเองป่วย เธอจัดการวางแผนในเรื่องการรักษาร่วมกับคุณหมอ วางแผนที่จะดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองด้วยการออกกำลังกาย การทำงานศิลปะ วางแผนเรื่องการดูแลลูกร่วมกับสามีและพี่ชาย  จัดทำแผนชีวิตในช่วงท้ายด้วยการทำหนังสือแสดงเจตนาจะไม่รับการรักษาในระยะท้าย  วางแผนที่จะทำความดีในทุกวัน และใช้ชีวิตให้มีความสุขกับครอบครัว ทุกวันนี้เธอมองว่ามะเร็งเป็นเพื่อนสนิท เป็นมิตรที่เปลี่ยนชีวิตเธอ มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เป็นบทเรียน สิ่งที่เธอทำคือ เป็นจิตอาสาเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยด้วยกัน ทำให้เราได้เห็นว่า แม้ว่าผู้ป่วยจะมีความทุกข์แต่หากมีมุมมองที่เห็นความทุกข์ของคนรอบข้าง หรือเห็นความทุกข์ของเพื่อนที่เป็นโรคเดียวกัน และมีจิตกรุณาที่จะช่วยคลายความทุกข์ให้ผู้คนที่อยู่รายล้อมในชีวิตเธอ เมื่อนั้นความทุกข์ของเธอก็ลดระดับลงไปได้อย่างมากมาย แม้ว่าตัวเธอเองจะเคยร้องไห้ในยามที่พบว่าตนเองป่วย แต่เมื่อคิดทบทวนว่าหากเธอร้องไห้แบบนี้ทุกวัน ภาพที่ติดอยู่ในใจลูกน้อยจะเป็นอย่างไร? เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนความคิดและเปลี่ยนเวลาของความทุกข์ให้กลายเป็นเวลาที่มีความสุขกับครอบครัว เพื่อเป็นภาพจำดีๆ ให้กับลูกอันเป็นที่รัก  หรือแม้แต่การทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวก็ลดลงได้เพราะเห็นคุณค่าของเวลาชีวิตที่เหลือน้อยลงไปทุกที 

 

“รู้เท่าทัน มัจจุราชสีชมพู” คุณวรินทร์พร ณิชาภัทร์นารากุล ผู้มีประสบการณ์มะเร็งที่แพร่กระจายสู่ต่อมน้ำเหลือง เธอเล่าว่า ภาพจำของครอบครัวที่ร้องไห้ในวันรู้ข่าวร้ายการเป็นมะเร็ง ดึงสติเธอให้กลับมาว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตที่เหลือ เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตที่มีความสุขกับลูกๆ และให้ข้อคิดที่น่าสนใจกับผู้ป่วยคนอื่นๆ ว่าผู้หญิงเราควรจะมีการระมัดระวัง  มีการดูแลตนเองอย่าดูแลเฉพาะคนอื่น และที่สำคัญให้มีความหวัง เธอบอกว่าให้ผู้ป่วยนึกว่าตนเองโชคดีกว่าคนอื่นๆ เพราะคำว่ามะเร็งเป็นข่าวร้าย ที่เปรียบเหมือนว่าคุณตายตั้งแต่วันที่หมอบอกว่าเป็นมะเร็งแล้ว  แต่วันนี้ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นทุกๆ วันที่มีชีวิตอยู่คือมีคุณค่า หมอจะบอกว่ามีเวลาเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่ให้ใช้เวลาดูโลกใบนี้ให้สวยงาม แม้ว่าจะต้องเสียเต้านมไป แต่ก็มีส่วนที่เติมเต็มในชีวิตเข้ามาแทน ยอมรับความเป็นจริงว่าชีวิตนั้นมีทั้งด้านลบและด้านเพิ่มไปด้วยกัน และสำหรับตัวเธอเองนั้นแม้ว่ามะเร็งจะทำให้เธอต้องเสียสามีที่ขอแยกทางไป แต่วันนี้เธอได้ทำในสิ่งที่เต็มที่กับชีวิตอย่างมีคุณค่าด้วยการเลี้ยงดูลูกของเธอและเฝ้ามองความสำเร็จของลูกในวันที่เธอฟื้นตัวกลับมาแล้ว 

 

“ชีวิตที่หลุดโรค”  คุณไอรีล ไตรสารศรี ผู้มีประสบการณ์มะเร็งอีกท่านหนึ่ง และเป็นผู้ก่อตั้ง Art for Cancer by Ireal เธอเล่าว่าในระหว่างที่ให้เคมีบำบัด เธอมองเห็นโอกาสที่จะทำประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมโรค โดยใช้ความรู้ด้านศิลปะที่ตนเองมีอยู่ มาเปิดโอกาสให้กับผู้ป่วยได้ส่งพลังให้ผู้ป่วยอื่นที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาและไม่มีพลังในการดำเนินชีวิต เธอให้ข้อคิดที่ว่า ผู้ป่วยจำนวนมากอาจจะตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเป็นเราที่ป่วย? สำหรับเธอเองนั้นเปลี่ยนเป็นว่า เราจะทำอะไรเพื่อให้มีสิ่งที่ดีขึ้น  เธอเลือกทำในสิ่งที่ชอบ ทั้งการออกกำลังกาย และงานศิลปะ ศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศให้สำเร็จ เพื่อเป็นของขวัญให้กับพ่อแม่ และจากกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ของเธอ สามารถระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งยากไร้ กว่า 6 ล้านบาท และด้วยพลังแห่งความรักในครอบครัวที่ทำให้เธอสามารถเผื่อแผ่ความรักไปยังผู้ป่วยจำนวนมาก เธอยังเชิญชวนให้มีการร่วมมือกันของผู้ป่วยในแต่ละภูมิภาค เชิญชวนให้มีจิตอาสาที่ช่วยเหลือผู้ป่วย และให้มีแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับมะเร็งและวิธีการรักษาที่ถูกต้องที่ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยและแพทย์ รวมถึงข้อมูลใหม่ๆ จากต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล และสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับนโยบายเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งให้ดีขึ้น เธอบอกกับเราว่า ชีวิตคือการเรียนรู้และการเดินทาง คนเราเลี่ยงความตายไม่ได้ ถึงจะรอดจากมะเร็งแต่ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากความตาย แต่เรื่องราวระหว่างการเดินทางในชีวิตจะใช้อย่างไร กำหนดเส้นทางเดินของตนให้มีความสุขและใช้ชีวิตให้มีค่าที่สุด 

 

ข้อคิดอีกมากมายที่ได้รับจากผู้ป่วยและทีมแพทย์ที่มาแบ่งปันในกิจกรรมวันนั้น นับเป็นพลังดีๆ ที่ทำให้เห็นว่า มนุษย์เราทุกคนมีพื้นฐานจิตใจแห่งความกรุณา แม้ว่าตนเองจะมีอาการเจ็บป่วยอยู่ก็ตาม แต่ความกรุณาที่อยู่ในใจที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่นก็ยังไม่ขาดสายไปจากใจได้เมื่อคนเราหันไปมองผู้คนรอบตัวด้วยไมตรีจิต  และนี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งผู้ป่วยและครอบครัว   

 

 

ดูภาพประกอบได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=q0L3wHhTxAo