
ใครอ่านข้อความนี้ต้องตาย
ผู้เขียน : ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ หมวด: ประสบการณ์ชีวิต
เคยตีพิมพ์ใน a day : ฉบับ 188 คอลัมน์ คิดแล้วธรรม

คุณอ่านไปแล้ว อย่าทำเป็นไม่เห็น เพราะถ้าคุณอ่านมาถึงประโยคนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว จากนี้ไปเตรียมตัวได้เลย “คุณ ต้อง ตาย” เพราะนี่คือข้อความต้องคำสาป และนี่คือสาส์นแห่งความตาย
แต่ถ้ายังไม่อยากตาย อ่านต่อให้จบ แล้วส่งต่อข้อความนี้ออกไปให้คนใกล้ชิดอย่างน้อย ๙ คน คุณอาจจะรอดพ้นจากความตาย และความโชคดีมากมายจะมาเยือนคุณรวมถึงคนที่คุณรักอีกด้วย แต่ถ้าคุณเพิกเฉยต่อสาส์นสั่งตายฉบับนี้ แน่นอนคุณและคนที่คุณรักจะต้องพบกับความตาย…แบบไม่รู้ตัว
นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ต่อไปนี้คือตัวอย่างของคนที่เพิกเฉยต่อข้อความนี้
สมุทัย ใจสำราญ ขับรถออกต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน แต่ถูกรถเมายาบ้าเข้ามาชนท้าย...เสียชีวิต
ประสาท วิทย์สัมพันธ์ เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่หลังจากออกไปซื้อยากินเอง จู่ๆ ก็ไตวายเฉียบพลัน...เสียชีวิต
ชีวิน หวังอยู่ดี คนหนุ่มอารณ์ดี หน้าที่การงานดี สุขภาพแข็งแรง ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ แต่อยู่ๆ ก็พบว่าตนเองเป็นมะเร็ง จากนั้นไม่นานก็จากโลกนี้ไป
อ.กำพล อัตตนิยม ครูสอนว่ายน้ำ กระโดดพุ่งหลาวศีรษะกระแทกก้นสระ เป็นเหตุให้เป็นอัมพาต ครอบครัวพยายามหาทางรักษาอยู่หลายปี หมดไปหลายล้านบาท จากนั้นก็เริ่มเสียสติ และไม่นานนักก็เสียชีวิต/
นั่นคือตัวอย่างบางส่วนที่หวังว่าจะทำให้คุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ และนั่นก็ถือเป็นความโชคดีที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคุณ ลองดูตัวอย่างบางคนที่ได้ทำตามสาส์นนี้
ไพโรจน์ วิทยสัมฤทธิ์ ป่วยเป็นโรคไตวาย แต่หลังจากอ่านข้อความนี้จบ ก็ค่อยๆ เริ่มแข็งแรงขึ้น กล้าปรับเปลี่ยนความคิดและชีวิตที่คุ้นเคย ครอบครัวของเขาจากที่ไม่เคยมีเวลาให้กัน ก็เริ่มกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง มีโอกาสไปเที่ยวทะเลด้วยกันหลังจากไม่ได้เที่ยวด้วยกันเป็น ๑๐ ปี
อ.กำพล ทองบุญนุ่ม ครูสอนว่ายน้ำ กระโดดพุ่งหลาวศีรษะกระแทกก้นสระ เป็นเหตุให้เป็นอัมพาต ครอบครัวพยายามหาทางรักษาอยู่หลายปี หมดไปหลายล้านบาท หลังจากอ่านข้อความนี้จบ ก็เริ่มได้สติ แล้วชีวิตก็ได้มาพบกับพระป่าที่สอนวิธีการปฏิบัติธรรมให้กับคนพิการ หลังจากนั้น ชีวิตก็ลาออกจากความทุกข์ กลายเป็นครูสอนธรรมะและตระเวนพูดสร้างแรงบันดาลใจในการรับมือความทุกข์ โดยมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แม้จะอยู่บนรถเข็นมาเป็นเวลา ๓๐ ปี ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบไปเมื่อปีที่แล้ว
จันทริกา วิมุตตานนท์ ป่วยเป็น SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง จนต้องอยู่ในห้อง ICU เธอต้องเจาะคอและฟอกไตตลอดทั้งวัน หมอบอกเธอคงอยู่ได้ไม่เกิน ๑ เดือน แต่หลังจากเธอได้อ่านและส่งต่อข้อความออกไป จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา ๓ ปีแล้ว แม้จะยังอยู่ในห้อง ICU แต่เธอก็มีความสุขดี แถมเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านกิจกรรมที่เธอช่วยเหลือสังคมผ่านทาง Facebook ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนส่งเครื่องฟังและไฟล์เสียงธรรมะให้ผู้ป่วยติดเตียงใน ICU ด้วยกัน หรือส่งตุ๊กตาทำมือเพื่อให้ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตได้ใช้จับเพื่อทำกายภาพ เธอยังคงแบ่งเวลาอัพรูปที่ถ่ายกับเพื่อนใหม่ที่ทยอยไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจและรับแรงบันดาลใจจากเธอ ทุกวันนี้ เธอได้บอกกับครอบครัวและทางโรงพยาบาลว่าเธอยินดี และพร้อมให้ทีมแพทย์ทำการทดลองรักษาเพื่อศึกษาเคสพิเศษแบบเธอ แม้ว่าการรักษาอาจจะทำให้เธอเสียชีวิต
กิตติ ศรีมหาโพธิ์ทอง หนุ่มใหญ่ครีเอทีฟเอเจนซี่โฆษณา โชคร้ายติดเชื้อจากแผลที่เท้าจนลุกลามเป็นมะเร็ง ในขณะที่กำลังเสียใจ ได้อ่านข้อความ จึงได้รีบส่งต่อให้คนใกล้ชิด ชีวิตกลับมาดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาล กลับมาทำงานอย่างมีความสุข และเผยแพร่เรื่องราวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นพร้อมทำโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส...ก่อนที่จะกลับไปเสียชีวิตในโรงพยาบาลท่ามกลางเพื่อนพ้องที่เดินทางไปส่งเขากันเต็มห้อง
ครับ ไม่ว่าคุณจะอ่านจนจบหรือไม่ ได้ส่งต่อออกไปหรือเปล่า หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยได้เห็นข้อความนี้ คุณและทุกคนก็ต้องตาย!...อยู่ดี นี่ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ใช่คำขู่ ไม่ใช่เรื่องอำเล่น แต่เพราะมันคือความจริง!
ความจริงที่ชีวิตนี้ทุกคนต้องตาย เป็นธรรมชาติที่ไม่มีใครหนีพ้น แม้พระพุทธเจ้าผู้เปิดเผยความจริงข้อนี้ก็หนีความตายไม่พ้นเช่นกัน แล้วอะไรคือความโชคดีของคนที่ได้อ่านมาถึงตรงนี้หรือได้ส่งต่อไปให้คนอื่น มันก็คือความโชคดีที่เราได้เตือนตัวเองและคนที่เรารักให้อย่าหลงลืมว่า ที่สุดในชีวิตนี้เราทุกคนต้องตาย..ไม่ช้าก็เร็ว
วันนี้เราเตรียมตัวและเตรียม(จิต)ใจเพื่อตายไว้หรือยัง? เราได้สะสาง สั่งเสีย และทำสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราจริงๆ หรือยัง? เราพร้อมที่จะตั้งใจตาย ตายแบบรู้ตัวและยินดี ไม่ต้องหนีและหวาดกลัวหรือยัง?...ไม่ง่ายเลยถ้าไม่เคยฝึก
คนกล้าตายครั้งเดียว คนขลาดตายหลายครั้ง...ภาษิตหนึ่งกล่าวไว้
ตัวอย่างผู้โชคดีข้างบนคือบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ที่ความเจ็บป่วยส่งข้อความแห่งความตายเป็น Notification ไปช่วยให้เขารู้ตัวก่อนใคร พวกเขามีสติพอที่จะปรับตัว แล้วเริ่มทำความรู้จัก ให้ความสนิทสนมกับความตาย และมองว่าเป็นเรื่องโชคดีกว่าคนที่มองความตายเป็นความโชคร้าย ปล่อยให้ความกลัวมาทำร้ายให้เราตายทั้งเป็นหลายร้อยเที่ยว ก่อนออกเดินทางเที่ยวสุดท้ายจริงๆ ความตายสอนให้เขารู้ตัว สอนให้เขาเห็นความงามของวันนี้ ของขณะนี้ รู้ว่าจะมีชีวิตจากนี้ไปอย่างไร อยู่เพื่ออะไร และจะมีความทุกข์ไปทำไม? การมาเยือนโลกชั่วคราวในครั้งนี้ของพวกเขาจึงแสนจะมีความหมาย เบิกบาน และคุ้มค่าทุกวินาที ยิ่งกว่าคนที่มีอายุยืนกว่าเขาเป็นไหนๆ ที่ได้แต่ยืดเวลาทนทุกข์ออกไป เพราะมัวแต่เดินทางไปสู่ความกลัวมากกว่าเดินทางไปสู่ความตาย
โชคดีที่ข้อความเหล่านี้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว ถ้าคุณเองหรือคนใกล้ชิดคุณยังรักตัวกลัวตาย ยังไม่อยากตาย ส่งข้อความนี้ออกไปให้มากที่สุด ย้ำ! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันคือเรื่องจริง! ขอให้โชคดี
ลงชื่อ ความตาย