ทบทวนสถานการณ์การวิจัยด้านการดูแลประคับประคอง : เน้นการดูแลในโรงพยาบาล ยังมีช่องว่างด้านการดูแลที่บ้านและการอภิบาลระบบ
ผู้เขียน: ชัชชล อัจนากิตติ
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กลุ่ม Peaceful Death ร่วมกับทีมวิจัยนโยบายและสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้จัดประชุมนำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง “การทบทวนขอบเขตวรรณกรรมสถานการณ์การวิจัยในประเด็นการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในประเทศไทย” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ ได้แก่ 1.นำเสนอสถานการณ์การวิจัยด้านการดูแลประคับประคอง และ 2.ร่วมกันวางแผนยุทธศาสตร์การวิจัยที่ตอบสนองความต้องต้องการในความท้าทายเชิงระบบ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งนักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ความเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กว่า 30 คน

พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ประธานกรรมการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวเปิดการประชุมด้วยการชี้ให้เห็นความสำคัญของการทำความเข้าใจสถานการณ์จากงานวิจัยชิ้นนี้ว่ามีความสำคัญทั้งในแง่ที่ทำให้แวดวงคนทำงานวิชาการได้รู้ว่าขณะนี้ยังมี “ช่องว่างความรู้” อะไรอยู่อีกบ้างในระบบการดูแลประคับประคอง เพื่อสนับสนุนให้มีนักวิจัยเข้ามาทำงานวิจัยในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะช่วยทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ให้ทุนวิจัยสามารถสนับสนุนได้ตรงจุด ที่สำคัญ ความรู้ที่จะเกิดขึ้นจะได้นำมาใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบบริการและการขับเคลื่อนในภาคประชาชนร่วมกันต่อไป

จากนั้น เอกภพ สิทธิวรรณธนะ ตัวแทนกลุ่ม Peaceful Death และผู้ประสานงานโครงการชุมชนกรุณาเพื่อการอยู่และตายดี ได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของการสนับสนุนให้เกิดงานทบทวนสถานการณ์การวิจัยด้านการดูแลประคับประคองในประเทศไทย เนื่องจากจากการทำงานชุมชนกรุณามาประมาณ 6 ปี พบว่าการทำงานขับเคลื่อนทั้งในระดับชุมชนและนโยบายรัฐจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำเป็นจะต้องทำงานด้านความรู้ควบคู่ไปด้วย ดังนั้น จึงริเริ่มให้มีงานศึกษาจุดติดขัดในระบบทั้งหมด 10 ชิ้น ซึ่งงานศึกษาสถานการณ์การวิจัยก็เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญ เพราะการรับรู้สถานการณ์ว่าตอนนี้ยังขาดงานวิจัยด้านใด รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญร่วมกันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนกับภาคนโยบายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากนั้นจะเป็นการนำเสนอข้อค้นพบสำคัญจากการวิจัย โดยคณะผู้วิจัย นำโดย นายพิวัฒน์ ศุภวิทยา นางสาวกัญจรีย์ ศุภวิทยา นายภูภิญโญ ลิมป์จันทรา นักศึกษาแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งคณะผู้วิจัยได้นำเสนอให้เห็นว่าจากการทบทวนงานวิจัยในประเด็นการดูแลประคับประคองในประเทศไทยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ.2558-2567 ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลหลักด้านงานวิจัยในไทยและต่างประเทศ พบว่ามีงานวิจัยจำนวนทั้งหมดกว่า 800 ชิ้น แต่หากตัดงานวิจัยเชิงเทคนิคการดูแลรักษาพยาบาลออก จะมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบการดูแลประคับประคอง ทั้งหมดจำนวน 493 ชิ้น ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ภายใต้กรอบแนวคิด 6 Building Block ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ถูกกำหนดให้เป็นองค์ประกอบพื้นของระบบการดูแลประคับประคอง ได้แก่ 1.กำลังคน 2.การจัดสรรงบประมาณ 3.หอผู้ป่วยและสถานชีวาภิบาล 4.ระบบข้อมูลสุขภาพ 5.รูปแบบการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลและที่บ้าน และ 6.การอภิบาลระบบ

ในเบื้องต้น หากวิเคราะห์สถานการณ์พื้นฐานของการทำงานวิจัยจะพบว่านักวิจัยและงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงและการมองเห็นในเครือข่ายคนทำงานวิจัยด้านการดูแลประคับประคองยังกระจุกตัว มีนักวิจัย สถาบันวิจัย และงานวิจัยจำนวนไม่มากนักที่ถูกอ้างอิงซ้ำ ๆ สถานการณ์ดังกล่าวบอกเป็นนัยถึงปัญหาการกระจายตัวของนักวิจัยและงานวิจัยที่อาจต้องเพิ่มความหลากหลาย รวมถึงโอกาสในการเผยแพร่และเข้าถึงงานวิจัยที่เปิดกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาในแง่ในเชิงประเด็นการทำงานวิจัยมีข้อค้นพบสำคัญ 3 ประการ
ประการแรก งานวิจัยส่วนใหญ่เน้นไปที่การดูแลในโรงพยาบาล (Hospital-Based Care) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยที่ทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ จึงไม่น่าแปลกใจที่งานในกลุ่มนี้จะมีปริมาณมากที่สุด มีจำนวน 278 ชิ้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่าการวิจัยด้านการดูแลประคับประคองยังให้ความสำคัญกับการดูแลในโรงพยาบาลเป็นหลัก และทำให้เห็นว่าพัฒนาการของระบบการดูแลมักเกิดขึ้นในจุดที่มีความพร้อมด้านองค์ความรู้และบุคลากรมากที่สุดก่อน
ประการที่สอง การวิจัยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home-Based Care) มีจำนวนน้อยกว่าการศึกษาการดูแลในโรงพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญ การดูแลผู้ป่วยที่บ้านมีงานวิจัยจำนวน 111 ชิ้น ในแง่นี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะระบบการดูแลประคับประคองต้องการอาศัยการดูแลที่บ้านที่เชื่อมโยงกับการดูแลที่โรงพยาบาล ดังนั้น การวิจัยเพิ่มเติมในส่วนนี้จะทำให้ระบบการดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประการที่สาม ขาดการวิจัยเกี่ยวกับการอภิบาลระบบ (governance) ซึ่งถือเป็นข้อค้นพบสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากพิจารณาในมิติของการพัฒนาระบบการดูแลประคับประคองที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ คณะผู้วิจัยไม่พบงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการอภิบาลระบบ ช่องว่างความรู้นี้ทำให้เห็นว่าควรมีการศึกษากลไกการอภิบาลระบบทั้งในเรื่องการจัดการบุคลากร งบประมาณ การจัดสรรทรัพยากรที่เชื่อมโยงไปสู่การเข้าถึงบริการและคุณภาพการดูแล

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม คณะผู้วิจัยได้นำเสนอข้อค้นพบและใช้กระบวนการรวบรวมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายรอบเพื่อหาฉันทามติผ่านเทคนิคเดลฟาย เพื่อจัดลำความสำคัญของประเด็นวิจัยซึ่งได้ผลตามลำดับ ดังนี้
- การอภิบาลระบบของการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
- การพัฒนากำลังคนดูแล
- รูปแบบการจัดสรรงบประมาณและการจ่ายค่าชดเชย
- การพัฒนาระบบข้อมูลสนับสนุนการดูแลและในการประชุมได้มีการระดับความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งทำให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในการเติมเต็มช่องว่างความรู้ในแต่ละประเด็นสำคัญ อาทิ การศึกษากลไกและนำเสนอตัวแบบการอภิบาลระบบการดูแลประคับประคองระดับประเทศ การศึกษาเปรียบเทียบชุดสิทธิประโยชน์และสวัสดิการพื้นฐานในการดูแลประคับประคอง การศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งบุคลากรในและนอกภาคสาธารณสุข การศึกษาแนวทางการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสมให้บุคลากรแต่ละกลุ่ม ตลอดจนการศึกษาแนวทางการสร้างดิจิตัลแพล็ตฟอร์มสำหรับเก็บและส่งต่อด้านการดูแลประคับประคองระดับประเทศ
โดยสรุป การจัดการประชุมเพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัยที่เกิดขึ้นได้ทำให้เกิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของเครือข่ายคนทำงานด้านความรู้และผู้ที่จะนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติทั้งในภาคนโยบายและภาคประชาสังคม ซึ่งจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะทำให้ทิศทางการสร้างความรู้มีความแม่นยำสอดรับกับสถานการณ์จริง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้องเหมาะสมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้การพัฒนาระบบการดูแลประคับประคองในประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

