การเชื่อมระบบสุขภาพดิจิทัลในการทำแผนดูแลล่วงหน้า]
ผู้เขียน: เอกภพ สิทธิวรรณธนะ
ในการจัดประชุม Siriraj Palliative Care Day 2024 หัวข้อ “Local Experiences with Digital Advance Care Planning” วิทยากร 3 ท่าน กล่าวถึงสถานการณ์เชื่อมระบบข้อมูลสุขภาพดิจิทัล ในการทำแผนดูแลล่วงหน้า

ระบบดิจิทัลสุขภาพช่วงท้าย โดย รพ.ราชพิพัฒน์
นพ.ภูริทัต แสงทองพานิชยกุล ผอ.รพ.ราชพิพัฒน์ กทม. กล่าวถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของระบบสุขภาพดิจิทัลในงานดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง โดย โรงพยาบาลออนไลน์ หรือ UMSC เป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการข้อมูลดิจิทัล ทั้งการเชื่อมโยงการดูแลในรพ. และเชื่อมโยงกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้าน และที่สถานดูแลผู้สูงอายุเอกชน (Nursing Home)
แพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลมีหลากหลาย LIne Official ของ Bangkok Health Zone (link) แอพ หมอ กทม. โดยจำเป็นต้องมีกำลังคนมอนิเตอร์และให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม. ขณะเดียวกัน หากผู้ป่วยหรือครอบครัวต้องการการสนับสนุนการดูแลถึงที่ รพ.ราชพิพัฒน์ก็มี มอเตอร์ไซค์ฉุกเฉิน (Mortolance) และรถฉุกเฉิน (Ambulance) เข้าไปถึงพื้นที่เพื่อให้บริการตามความความเข้มข้นของความต้องการการบริการ
นพ.ภูริวัฒน์กล่าวว่า ผู้ป่วยเองที่ต้องการเข้าถึงการดูแลแบบประคับประคองย่อมมีแผนดูแลล่วงหน้าอยู่ในใจ สิ่งที่ระบบบริการสุขภาพต้องมีคือ ผู้ให้คำปรึกษา และช่วยให้คำถาม บันทึกแผนดูแลล่วงหน้าในระบบบริการสุขภาพของโรงพยาบาล สิ่งนี้สามารถให้ได้ผ่านช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น line official โทรศัพท์ โดยมีลูกหลานที่ชำนาญเทคโนโลยี หรือ อสส. ช่วยให้ข้อมูล
อีกสิ่งหนึ่งที่ รพ.ต้องเตรียมคือการให้ความเข้าใจเรื่องการดูแลแบบประคับประคองกับบุคลากรทุกคนในโรงพยาบาล เพื่อความเข้าใจระบบงานดูแลแบบประคับประคอง ให้คำปรึกษาและส่งต่อความต้องการการดูแลในระบบที่ออกแบบไว้
รพ.ราชพิพัฒน์ ใช้กรอบแนวคิด Patient Journey ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งาน (ในที่นี้คือคนไข้) เป็นตัวตั้ง ซึ่งช่วยให้ระบบบริการออกแบบบริการที่สะดวก ตอบโจทย์ผู้ป่วยได้มากขึ้น เพิ่มการเข้าถึงการให้บริการ เพิ่มความเชื่อมั่นในศักยภาพของโรงพยาบาล สุดท้าย บริการภาครัฐก็จะช่วยบรรเทาความทุกข์ทั้งทางกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณ และเศรษฐกิจได้จริง เมื่อผู้ป่วยและครอบครัวพึงพอใจในการให้บริการ ก็ตอบแทนโรงพยาบาลกลับด้วยการให้เงินบริจาค จนกระทั่งสามารถขยายบริการงานดูแลแบบประคับประคองได้จากเงินบริจาคของประชาชน
นพ.ภูริทัต กล่าวเสริมว่า การเพิ่มคุณภาพการบริการ จำเป็นต้องจัดกิจกรรมจัดการความรู้ (KM) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อขยายความรู้จากการอบรมหรือการเข้าร่วมประชุม ขยายไปสู่เพื่อนร่วมงานมากขึ้นๆ เวที KM ยังเป็นโอกาสพัฒนาระบบการบริการ ช่วยให้มีคนรับรู้มากขึ้น หลายหน่วยงานขึ้น และง่ายขึ้น รวมทั้งแก้ไขข้อติดขัดในระบบด้วย

สช.สานต่อระบบ e-living will
ในขณะที่คุณจุฑามาศ นำเสนอแพลทฟอร์ม e-living will ที่รองรับการทำแผนดูแลล่วงหน้าและการทำหนังสือแสดงเจตนาปฏิเสธการรักษาในวาะสุดท้ายของชีวิต ตาม ม.12 พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ของทั้งผู้มีสุขภาพดีและเจ็บป่วย โดยจุดเด่นของแพลตฟอร์ม e-living will คือความเป็นทางการ ความปลอดภัย การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพกับระบบข้อมูลของรัฐ ขณะเดียวกันก็มีระบบการให้คำปรึกษาผู้ต้องการทำ e-living will ทั้งส่วนของผู้ใช้งานในโรงพยาบาล ผู้ป่วย และครอบครัว
โดยสามารถเข้าไปกรอกข้อมูล e-living will ได้ที่เว็บไซต์ e-livingwill.nationalhealth.or.th ศึกษารายละเอียดระบบเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nationalhealth.or.th/th/e-LivingWill
ขณะที่โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี มีแผนดูแลล่วงหน้าแบบกระดาษ จากนั้นแสกนข้อมูลเข้าระบบข้อมูลสุขภาพของโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในและระหว่างโรงพยาบาล
ส่วนระบบ e-living will หน่วยประคับประคองของโรงพยาบาลเริ่มนำร่องนำระบบไปชวนผู้ป่วยและครอบครัว แต่พบว่าผู้ป่วยยังไม่มั่นใจ กังวลว่าเป็นเว็บไซต์มิจฉาชีพหรือไม่ จึงยังนิยมเขียนใส่กระดาษแล้วให้โรงพยาบาลนำเข้าระบบข้อมูลในโรงพยาบาลมากกว่า
